รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หุ้นปันผล ของฝากจากปี 2565 ไปปี 2566

เผยแพร่ 29/12/2565 09:55
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ปี 2566 เป็นปีที่ตลาดหุ้นต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาวะ เศรษฐกิจหลายประเทศที่กำลังเข้าสู่ Recession, ผลกระทบการจัดเก็บภาษีจาก การขายหุ้น, ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงแรงขายจากLTF ที่ครบกำหนด ซึ่ง จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยพบว่าหุ้นที่สามารถรองรับแรงกดดันจากความผันผวน ดังกล่าวได้แก่หุ้น High Dividend Yield โดยหุ้นที่มีDividend Yield ยิ่งสูง ความ ผันผวนของราคาหุ้น (วัดจาก Beta) ก็จะยิ่งลดต่ำลง นอกจากนี้พบว่าในช่วงไตร มาสที่ 1 ของปี หุ้นปันผลจะให้ผลตอบแทนที่ชนะตลาดราว 3%(วัดช่วงปี 2015- 2022) สำหรับหุ้นปันผลที่น่าสนใจมีหลากหลาย โดยหุ้นเด่นที่จ่ายปันผลปีละครั้ง เช่น AP,TISCO ส่วนหุ้นปันผลที่ Beta ต่ำเช่น EGCO, TTW เป็นต้น ส่วนกระแส หลักที่อยู่ในความสนใจของตลาดยังเป็นเรื่องการเปิดประเทศของจีน

แรงกดดันที่มาจากการปรับฐานของตลาดหุ้นต่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ น่าจะทำให้ SET Indexวันนี้ ยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน บริเวณ 1650 จุด ได้ ส่วน แนวรับอยู่ที่ 1635 จุด สำหรับหุ้น Top Pick เลือก ADVANC, AP และ CBG

จีนเปิดประเทศ มีมุมมองทั้งบวก และ ลบ แต่ของบ้านเราเป็น บวก

วานนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกค่อนข้างผันผวน โดยฝั่งสหรัฐย่อตัวลงมาราว -1.1% ถึง -1.6% ขณะที่ฝั่งยุโรปปิดตัวในกรอบแคบราว -0.6% ถึง +0.3% จากการประเมินผลกระทบที่ ตามมาในเชิงลบหลังทางการจีนผ่อนคลายมาตรการ Zero-Covid ครั้งใหญ่ ทั้งความกังวล เรื่องยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในจีนมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลาย ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สหรัฐ ฯลฯเตรียมออกมาตรการป้องกัน โรคโควิด-19 ที่เข้มงวด สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน รวมถึง Demand จากจีน เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง

ส่วนการยกเลิกมาตรการกักตัวผู้โดยสารจากนอกประเทศที่เดินทางเข้าจีนซึ่งจะเริ่มวันที่ 8 ม.ค. 66 และอนุญาตให้คนจีนทำพาสปอร์ตและขอวีซ่าเพื่อออกเดินทางท่องเที่ยวได้ รวมถึงฮ่องกงเตรียมยกเลิกกฎระเบียบที่เข้มงวดในการควบคุมโควิด-19 เกือบทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 65 เป็นต้นไป ในมุมมองของบ้านเราคาดว่าจะเป็นแรงหนุนต่อภาคการ ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยตลาดคาดว่า 1Q66 นักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางเข้า ไทยทะลุ 3 แสนคน (จำนวนมากกว่าตลอดทั้งปี65 หรือเพิ่มขึ้น 10 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน ของปีก่อนหน้า) และปี 66จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยคิดเป็น 50% ของปี62อีก ทั้ง ททท. ยังปรับตัวเลขเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งปี 65 จาก 20 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านคน

นอกจากนี้ภาครัฐ 3 กระทรวง (คมนาคม-สธ.-ท่องเที่ยว) ยังเตรียมหารือแนวทางรองรับ นักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะทะลักเข้ามาในบ้านเราอย่างล้นหลามช่วงต้นปีหน้า โดยใน เบื้องต้น ททท. เตรียมทำแผนตลาดเชิงรุก กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามา ไทย อาทิการร่วมมือกับพันธมิตรจีน (Ctrip) Live โปรโมทการท่องเที่ยวไทย, การขอเพิ่ม จำนวนเที่ยวบิน, การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นฟรีให้กับ นทท. ต่างชาติ ฯลฯ ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าว คาดว่าจะเป็นแรงหนุนให้GDP ของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ระดับ 3.1%YoY ในปี 65 เป็น 3.8%YoY ในปี 66 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

สรุป การประกาศเปิดประเทศของจีน ทำให้หลายประเทศเกิดความกังวลเรื่องจำนวนผู้ ติดเชื้อโควิดในจีนที่พุ่งสูง กดดันให้ตลาดหุ้นผันผวนในช่วงสั้น อย่างไรก็ตามบ้านเรายัง คาดหวังให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาไทย พร้อมกันเตรียมมาตรการรับมือกับ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น สำหรับหุ้นเก็งกำไรรับกระแส China Play แนะนำ BDMS, AOT (BK:AOT), ERW, IRPC, PTTGC, SCC, M, MINT, HMPRO, BEM

กลุ่มธนาคารพร้อมส่งผ่านต้นทุน FIDF (THERE IS NO FREE LUNCH)

ตามที่สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่าการที่ต้นทุน FIDF (บันทึกในดอกเบี้ยจ่าย) ตั้งแต่ 1 ม.ค. 66 จากปัจจุบันที่ 0.23% ของเงินฝาก (ตั้งแต่ปี 2563) จะกลับสู่ระดับปกติที่ 0.46% ของเงินฝาก ส่งผลให้กลุ่มฯ มีความจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขึ้น 0.4% ซึ่งเป็น อัตราเดียวกับที่กลุ่มฯ ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ M – Rate (MOR, MLR, MRR) ลงอย่าง ละ 0.4% เพื่อช่วยเหลือลูกค้าในช่วง COVID ปี 2563

ภาพดังกล่าวสอดคล้องกับประมาณการฝ่ายวิจัยที่มองว่ากลุ่มฯ จะส่งผ่านต้นทุนส่วนนี้ ให้กับลูกหนี้ ทำให้หลังจากนี้หาก กนง. มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในวันที่ 25 ม.ค. 66 และ 29 มี.ค. 66 ครั้งละ 0.25% จะเป็น Upside ต่อประมาณการกำไรสุทธิฝ่าย วิจัยปี 2566 โดยภายใต้ Sensitivity Analysis (สมมติฐานอื่นคงเดิม) พบว่าทุก 10 bps บวกต่อกำไรของ BBL ราว 11% ตามด้วย KTB ประมาณ 8%, KBANK (BK:KBANK) ที่ 7% และ SCB ระดับ 6% สำหรับ KKP และ TISCO ประมาณการฝ่ายวิจัยสะท้อนต้นทุน Cost of fund ทยอยกลับสู่ระดับเดียวกับปี 2562 ในปี 2567 ซึ่งช่วงดังกล่าวอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทย ตอนต้นปีอยู่ที่ 1.75%

ในอีกแง่มุมการส่งผ่านต้นทุน FIDF ผ่านสินเชื่อ M-Rate ย่อมส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่าย ของกลุ่มลูกค้าธุรกิจสูงขึ้นทั้ง รายใหญ่และ SME บนภาวะเศรษฐกิจโลกปีหน้าที่มีความไม่ แน่นอนสูง อาจกดดันภาคการส่งออกของไทย ขณะที่สินเชื่อรายย่อยสัญญาส่วนใหญ่มี อัตราดอกเบี้ยคงที่หรือภาระจ่ายต่อเดือนคงที่ (ปรับสัดส่วนการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยใน ค่าผ่อนต่องวด) เช่น สินเชื่อบ้าน จึงมองว่าผลกระทบในส่วนของทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นจะ เบากว่าสินเชื่อธุรกิจ

ทั้งนี้ ภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มีโอกาสส่งผลต่อเนื่องถึงแนวโน้ม Credit Cost ในปี หน้า อย่างไรก็ตามภายใต้มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาวของ ธปท. (ผ่อนผันการจัด ชั้นลูกหนี้) ที่ยังมีอยู่จนถึงสิ้นปี 2566 คาดช่วยให้สินเชื่อ NPL เกิดใหม่ (NPL Formation) ของแต่ละธนาคารยังอยู่ในการบริหารจัดการ จึงประเมินว่า Credit Cost ในปี 2566 จะอยู่ ในกรอบเป้าหมายทางการเงินที่แต่ละธนาคารจะเปิดเผยหลังประกาศงบ 4Q65 ในช่วง ปลาย ม.ค. 66 (ประกาศงบวันสุดท้าย 20 ม.ค. 66)

คงประมาณการเดิม สำหรับกลุ่มธนาคาร ให้น้ำหนักกับคุณภาพสินทรัพย์ เรียงตาม ความชอบดังนี้ TISCO(FV@B105) > BBL(FV@B159) > KTB(FV@B20.3) > KBANK(FV@B180) > SCB(FV@B132) นอกจากนี้ในฝั่งของลูกหนี้ธุรกิจ ด้วย แนวโน้มภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น เพราะการส่งผ่าน FIDF ประเมินบริษัทที่มีสถานะเป็น Net Cash หรือสัดส่วน IBD/E ต่ำกว่ากลุ่ม อย่าง AOT(FV@B80), CENTEL(FV@B54) และ M(FV@B65) น่าจะได้เปรียบกลุ่ม

แนะนำ 3 กลุ่มหุ้นปันผลสูง น่าลงทุนในช่วง1Q66

นักลงทุนกำลังเดินทางเข้าสู่ช่วง 1Q66 ภายใต้ความท้าทายจากความกังวล Recession ใน หลายประเทศ การเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่งรวมถึง กนง. (25 ม.ค. 65) และยังอยู่ในช่วงปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรับมือกับการเดินหน้าเก็บภาษีซื้อขายหุ้น ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์คลาสิคที่เหมาะสม และมักจะโดดเด่นในช่วงไตรมาสที่ 1 คือ “หุ้นปันผล เด่น” ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังนั้น

• หุ้นปันผลมีเกราะป้องกันเวลาที่ตลาดผันผวนได้ดี สะท้อนจากสถิติในอดีต ย้อนหลัง10 ปีมีช่วงเวลาที่ SET Index ปรับฐานแรง 11 ครั้ง แต่ SETHD (ตัวแทน หุ้นปันผลสูง) ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าถึง 9 ใน 11 ครั้ง

• หุ้นปันผลยิ่งสูงยิ่งมีโอกาสผันผวนต่ำ สะท้อนได้จากการเปรียบเทียบค่า Beta ย้อนหลัง 1 ปี (แกน Y) กับข้อมูล Dividend Yield (แกน X) ของหุ้นทั้งหมดใน ตลาด พบว่า มีทิศทางเอียงลงอย่างชัดเจน แสดงให้เห็นว่า ภาพรวมหุ้นที่มี Dividend Yield สูงๆ มักมีค่า Beta ต่ำ หรือมีความผันผวนที่น้อยกว่า

• หุ้นปันผลมักจะขึ้นได้โดดเด่นในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีเสมอ โดยในปี 2015 – 2022 (ไม่นับค่าผิดปกติ หรือ Outlier ช่วง 1Q20 ช่วงเกิด Covid-19) SETHD ให้ ผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วงไตรมาสที่ 1 สูงถึง 8.2% สูงกว่า SET ที่ Outperform เช่นกัน และให้ผลตอบแทนเป็นบวก 5.2%

ฝ่ายวิจัยฯ ทำการคัดกรองหุ้นปันผลสูง ที่น่าทยอยสะสมได้ตั้งแต่ช่วงท้ายปี 2565 พร้อมกับ คาดหวังผลตอบแทนได้ทั้งในระยะ 3 เดือนข้างหน้า หรือในระยะยาว โดยผ่าน 2 เงื่อนไข เบื้องต้น ดังนี้

• เป็นหุ้นที่มี Dividend Yield65F > 3% ต่อปี • เป็นหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ "ซื้อ" และมี Upside >0%

โดยแบ่งหุ้นปันผลสูงออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. หุ้นปันผลสูง จ่ายปีละครั้ง ชอบ TISCO AP ASK NOBLE

2. หุ้นปันผลสูง ผันผวนต่ำ ชอบ QH DCC TTW EGCO

3. หุ้นปันผลสูง มี ESG Score สูง ชอบ SCB PTT (BK:PTT) ADVANC

Toppicks เลือก AP, ASK, NOBLE, TTW ADVANC, SCB(รายละเอียดอื่นๆ สามารถ ติดตามได้ในบทวิเคราะห์Investment Strategy Tax & Dividend ในวันที่ 23 ธ.ค. 65 ที่ผ่านมา)

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

thanks
ขอบคุณครับ
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย