สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางแรงหนุนต่อเนื่องมาจากวันอังคาร ทั้งนี้ ราคาทองคําได้รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อ จนกระทั่ง แตะระดับต่ําสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยดัชนีดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะ “ชะลอ” การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ศ. สะท้อนจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า มีโอกาสเพียง 49.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ศ. ลดลงจากเดิมที่เคยให้น้ําหนักมากถึง 75% นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากยูโรmนเดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75bps ในการประชุมนโยบายการเงินที่กําลังจะเสร็จสิ้นลงในวันนี้ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นต่อแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. หลังมีรายงานว่า รัฐบาลของนายริชี ชูนัด ได้เลื่อนการประกาศ แผนการใช้จ่ายของรัฐบาล และการจัดเก็บภาษีออกไปเป็นกลางเดือนพ.ย. ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีปรับตัวลงต่ํากว่า 4,00% เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 1 สัปดาห์ หลังนักลงทุนสติศาตการณ์เกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจนเป็นปัจจัยหนุนทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม ปัจจัยที่กล่าวมา ช่วยหนุนให้ทองคําพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1,674.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งแรก จีดีพีไตรมาส 3/2022, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, จํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และผลการประชุม ECB
หากการอ่อนตัวลงของราคาทองคำไม่มากและยังสามารถรักษาระดับเหนือแนวรับ 1,657 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ราคาทองคำยังมีลุ้นดีดขึ้น ทดสอบแนวต้าน 1,684-1,699 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำสามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดแรงซื้อทำกำไร สลับเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ประเมินแนวรับสำคัญโซน 1,638 ดอลลาร์ต่อออนซ์(ระดับต่ำสุดของสัปดาห์นี้)
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ $1,659-1,638
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,684
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,638
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th