Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน: เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,545-1,575 จุด เราคาดว่า SET จะยังคง ผันผวนต่อเนื่อง โดยภาพรวม SET ยังคงขาดปัจจัยบวกสนับสนุนการลงทุนที่ชัดเจน ประกอบกับจะมีการ รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ วันที่ 13 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันหยุดยาวของไทย (13-14 ต.ค.) แม้เราเชื่อว่าจะมีแรงซื้อ กลับในระหว่างวัน ในกลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจในเชิง Valuation หลังราคาหุ้นปรับลดลงต่อเนื่องในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Domestics Play ได้แก่ หุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภค หุ้นในกลุ่มขนส่งใน ประเทศ และหุ้นใน Theme เปิดเมือง แต่เรายังคงให้ระมัดระวังแรงขายทํากําไร ในช่วงท้ายตลาด เพื่อลด ความเสี่ยงก่อนเข้าสู่วันหยุดยาว และการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดย Market Consensus คาดว่า CPI สหรัฐฯ เดือน ก.ย. จะเพิ่มขึ้น 0.2%mom และเพิ่มขึ้น 8.1%yoy ลดลงจากเดือน ส.ค. ที่ 8.1%yoy และ Core CPI เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.5%mom และเพิ่มขึ้น 6.5%yoy เรายังคงมุมมองเดิม โดยเราคาดว่าหาก รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาขยายตัวต่ํากว่าคาด หรือเท่ากับคาด จะส่งผลดีต่อภาพรวมการลงทุนใน สัปดาห์หน้า แต่หาก CPI รายงานสูงกว่าคาด หรือ Core CPI มีการปรับขึ้น mom ที่สูงกว่า 0.5% จะเป็น ภาพสะท้อนว่าภาวะเงินเฟ้อ จะไม่ใช่เพียงปัจจัยระยะสั้นอีกต่อไป มีโอกาสกลับมาเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมการลงทุน
• กลยุทธ์การลงทุน หุ้นในพอร์ต 35% เลือก PTTEP BAFS BEM BDMS AWC CENTEL PTG SUSCO เป็นหุ้นเด่น
- เราปรับลดน้ําหนักหุ้นในพอร์ตเหลือ 35% จากเดิมที่ 40% เพิ่มลดความเสี่ยงจากการดําเนินนโยบายการเงินที่ เข้างวดมากขึ้นของเฟด Theme หุ้นที่น่าลงทุน เราเลือก หุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เราเลือก ASIAN SAPPE หุ้นในกลุ่ม Defensive เราเลือก BDMS BH หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เราเลือก EA GULF หุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภค เรา เลือก MAKRO CPALL (BK:CPALL) HMPRO GLOBAL หุ้นในกลุ่มขนส่งในประเทศ เราเลือก BEM และหุ้นใน Theme เปิด เมืองที่ยังน่าสนใจ เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS ERW AWC CENTEL PTG SUSCO ขณะที่เราแนะนําเก็งกําไรหุ้นในกลุ่ม พลังงาน เราเลือก PTTEP PTT (BK:PTT) BCP TOP SPRC IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลก สหรัฐฯ และจีน รวมไปถึงปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อทั่วโลกในปี 65 แต่เชื่อ
ว่าจะเริ่มทยอยปรับลดลงตั้งแต่ปี 66-67 - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้ม เศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook: WEO) โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจ โลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.7% (เดิมที่ระดับ 2.99%) เป็นการขยายตัวที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 นอกเหนือจาก ช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน และการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 นอกจากนี้รายงานยังระบุถึงว่า เศรษฐกิจโลก มากกว่า 1 ใน 3 จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจหดตัวในปี 2565 - 2566 ขณะที่การขยายตัวของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และจีนจะชะลอตัวลง โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การที่รัสเซียส่งกําลังทหารโจมตียูเครน วิกฤตค่าครองชีพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะทําให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และ นิเวศวิทยา ในรายงาน WEO ของ IMF ยังมีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2565 และปี 2566 สู่ระดับ 1.6% และ 1.0% ตามลําดับ โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2565 และปี 2566 ลงสู่ระดับ 3.2% และ 4.4% ตามลําดับ โดยถูกกระทบจากการใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด และวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ IMF ยังคาดการณ์ว่า ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกจะแตะจุดสูงสุดในช่วง ปลายปี 2565 อยู่ที่ระดับ 8.8% จากระดับ 4.7% ในปี 2564 ก่อนที่จะชะลอตัวลงในปี 2566 สู่ระดับ 6.5% และปี 2567 ที่ระดับ 4.1% • ประเด็นที่น่าติดตาม รายงานการประชุม FOMC เดือน ก.ย. + รายงานเงินเฟ้อ สหรัฐฯ และจีน - (13 ต.ค.)
ไทยปิดทําการซื้อขายระหว่างวันที่ 13-14 ต.ค. เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และวันหยุดพิเศษ (14 ต.ค.)/ เยอรมนี - อัตราเงินเฟ้อ เดือน ก.ย. /สหรัฐฯ - รายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC – ทราบผลเช้า 14 ต.ค.) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบประจําไตรมาสจาก API รายงานประจําเดือนของ IEA ดัชนีราคาผู้บริโภค พื้นฐาน เดือน ก.ย. (คาด CPI เพิ่มขึ้น 0.29%mom และเพิ่มขึ้น 8.1%yoy (ลดลงจากเดือน ส.ค. ที่ 8.1%yoy) / Core CPI เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.59%mom และเพิ่มขึ้น 6.59%yoy) จํานวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก และปริมาณสํารองน้ํามันดิบรวม Cushing จากทาง IEA // (14 ต.ค.) จีน - ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน เดือน ก.ย. (คาดเพิ่มขึ้น 2.8%yoy เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค. ที่เพิ่มขึ้น 2.5%yoy) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีน เดือน ก.ย. และดุลการค้า เดือน ก.ย. (คาดเกินดุล 8.1 หมื่นล้านเหรียญ) / ยูโรโซน - ดุลการค้า เดือน ส.ค. / สหรัฐฯ - ดัชนียอดขายปลีก เดือน ก.ย. ดัชนีราคาสินค้านําเข้า เดือน ก.ย. ดัชนียอดขายปลีก เดือน ก.ย. ความ คาดหวังของผู้บริโภครัฐมิชิแกน เดือน ต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐมิชิแกน เดือน ต.ค. // (15 ต.ค.) สหรัฐฯ - จํานวนแท่นขุดเจาะน้ํามันทั้งหมดของบริษัท Baker Hughes ของสหรัฐฯ
• ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนําทางเทคนิค ได้แก่ ๕ VIBHA (แนวต้าน 3.08-3.12/ แนวรับ 2.92-2.88 /Stop loss 2.78) & PACO (แนวต้าน 2.90-2.96/ แนวรับ 2.76-2.72/Stop loss 2.62) TRUE (แนว ต้าน 5.3-5.4 / แนวรับ 5.05-5.00 / Stop loss 4.82)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities