สรุป หลังจากเมื่อวานนี้ราคาทองคําปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 38.67 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแรงหนุนหลักๆจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลข เศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่เกินคาด อาทิ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐจาก ISM ที่ร่วงลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ําสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่ เดือนพ.ค.2020 ประกอบกับ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลงทั่วโลก นําโดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษที่ร่วงลงแรง หลังรัฐบาลอังกฤษยกเลิกการ ปรับลดภาษีในนโยบายการคลังฉบับใหม่ สถานการณ์ที่กล่าวมาข้างต้นผลักดันให้ทองคําทะยานขึ้นจนทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1,701.37 ดอลลาร์ต่อ ออนซ์ ส่วนในวันนี้ราคาทองคําเคลื่อนไหวชะลอตัวอยู่ในกรอบระหว่าง 1,694.60-1702.48 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีปัจจัยหนุนมาจากสัญญาน้ํามันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% ในวันจันทร์ ขานรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ํามันและพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะปรับลดกําลังการผลิต น้ํามันครั้งใหญ่ในการประชุมวันพุธนี้ รวมถึง เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปีในวันนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ วัน หลังจากที่ยิงขีปนาวุธลงสู่ทะเลญี่ปุ่น แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติก็ตาม และอาจต้องจับตาดูว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรต่อไป หากทางเกาหลีเหนือ เพียงแค่ทดสอบหรือต้องการแสดงแสนยานุภาพเท่านั้น นักลงทุนก็อาจจะไม่ได้วิตกกังวลต่อสถานการณ์ดังกล่าวมากนัก ก็อาจทําให้มีแรงขายทํากําไรออกมาเช่นกัน สําหรับคืนนี้ให้นักลงทุนรอติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะมีการเปิดเผยตําแหน่งงานว่างเปิดใหม่และยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ $1,681-1,678
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,711-1,735
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสกานะซื้อหากหลด $1,659
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th