- Apple อยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดไม่ถึง 5% หลังจากแรลลี่ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
- บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกมีอิทธิพลอย่างมากต่อดัชนี S&P 500 เนื่องจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์
- คำถามที่ใหญ่ที่สุดที่อยู่ในใจของนักลงทุนคือ การแรลลี่ครั้งนี้จะยั่งยืนหรือไม่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย
หุ้นของ Apple Inc (NASDAQ:AAPL) แสดงโมเมนตัมอย่างไม่น่าเชื่อในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดหมีในปีนี้จะตกต่ำ แต่บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกกำลังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากพุ่งขึ้น 35% จากระดับต่ำสุดในเดือนมิถุนายน
คำถามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักลงทุนในตอนนี้คือการแรลลี่ครั้งนี้มีความยั่งยืนหรือไม่ท่ามกลางสภาวะตลาดในปัจจุบัน ผู้ผลิต iPhone มีอิทธิพลอย่างมากต่อ ดัชนี S&P 500 เนื่องจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้การแรลลี่ครั้งนี้จำเป็นสำหรับตลาดในการเดินหน้าต่อไป
ส่วนผสมของหายนะ
ความเสี่ยงหลายอย่างยังคงทำให้แนวโน้มขาขึ้นของ Apple หยุดชะงักได้ในระยะสั้น เศรษฐกิจยังคงดิ้นรนท่ามกลาง ภาวะเงินเฟ้อ ที่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบสี่ทศวรรษและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นส่วนผสมของหายนะที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการของ Apple
ในการเปิดตัว ผลประกอบการ ล่าสุด รายได้และกำไรของ Apple อยู่เหนือประมาณการของนักวิเคราะห์อย่างหวุดหวิด โดยยอดขาย iPhone ยังคงดีเกินคาด
เมื่อต้นปีนี้ บริษัท Cupertino ในแคลิฟอร์เนียได้เตือนว่าไตรมาสที่สามอาจเลวร้าย โดยซัพพลายเชนขัดขวางยอดขายลง 4 พันล้านดอลลาร์เหลือ 8 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตามรายได้ที่แสดง ผลกระทบที่ว่ายังไม่กระทบกับบริษัทมากเท่าที่คาด ทำให้เกิดความคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ของบริษัทยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก
ในทางกลับกัน ซัพพลายเออร์ของ Apple ได้เริ่มแสดงสัญญาณว่าอุปสงค์ที่ชะลอตัวอาจขยายออกไป Micron Technology (NASDAQ:MU) เตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่ายอดขายในไตรมาสปัจจุบันน่าจะอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้เมื่อไม่ถึง 6 สัปดาห์ก่อน ตามมาด้วยการคาดการณ์รายได้ที่น่าผิดหวังจาก Qualcomm Incorporated (NASDAQ:QCOM), Intel Corporation (NASDAQ:INTC) และ NVIDIA Corporation (NASDAQ:NVDA)
นอกจากนี้ นโยบาย COVID ที่เข้มงวดของจีนยังคงเป็นอุปสรรคต่อแผนการเติบโตของ Apple หากคลื่นลูกใหม่ของไวรัสมาถึงในฤดูหนาวที่จะมาถึง ซึ่งทำให้สายอุปทานของ Apple ชะงัก
นอกเหนือจากความเสี่ยงเหล่านี้ หุ้นของ Apple ยังดูแพงหลังจากการแรลลี่ครั้งนี้ ขณะนี้มีราคาอยู่ที่ 27 เท่าของผลกำไรที่คาดการณ์ไว้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เทียบกับค่าเฉลี่ย 17 ในทศวรรษที่ผ่านมา การประเมินมูลค่านั้นจะเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ได้หากตลาดเข้าสู่ช่วงลำบากในระยะอันใกล้นี้
สำหรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ ตามรูปแบบทางการเงินหลายแบบ เช่น โมเดลที่ให้ความสำคัญกับบริษัทโดยพิจารณาจากตัวคูณ P/E หรือ P/S หรือลค่าปัจจุบันสุดท้าย มูลค่ายุติธรรมโดยเฉลี่ยของ Apple ใน InvestingPro อยู่ที่ประมาณ 154 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่ามีดาวไซด์ถึง 11.3%
ที่มา: InvestingPro
หุ้นของ Apple ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาวซึ่งควรเพิ่มลงในพอร์ตการลงทุนของพวกเขาเมื่อหุ้นย่อตัวครั้งต่อไปมาถึง ในบันทึกล่าสุดที่ส่งถึงลูกค้าของ มอร์แกน สแตนลีย์ ได้เอ่ยถึงกรณีที่น่าสนใจในการเป็นเจ้าของหุ้น Apple โดยคาดการณ์ว่าหุ้นจะแตะระดับ 200 ดอลลาร์ในเร็ว ๆ นี้ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 3 ล้านล้านดอลลาร์
ตามที่ธนาคารเพื่อการลงทุนกล่าวว่าตลาดยังคงให้ความสำคัญกับผู้ผลิต iPhone ในฐานะ บริษัทฮาร์ดแวร์ที่ควรใช้แนวทางที่อิงตาม "มูลค่าตลอดอายุการใช้งาน" โมเดลมูลค่าตลอดชีพนี้ถือว่าผู้ใช้ Apple จะใช้เงิน 2 ดอลลาร์ต่อวันกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ Apple ซึ่งเป็นตัวเลขที่เจ้าของ iPhone ในสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จไปแล้ว
จุดแข็งอีกประการหนึ่งที่ทำให้ Apple เป็นเดิมพันที่ดีในระยะยาวคือสถานะที่ปลอดภัยและความสามารถในการคืนเงินจำนวนมหาศาลในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ด้วยการที่บริษัทถือเงินสดประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ Apple อยู่ในฐานะที่น่าอิจฉาที่จะมีโครงการซื้อหุ้นคืนอย่างรวดเร็วทุกเมื่อที่จำเป็น ดังนั้นจึงช่วยสนับสนุนหุ้นของ Apple ท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบาก
สุดท้ายนี้
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Apple ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาทำให้หุ้นของบริษัทมีราคาแพง เนื่องจากเศรษฐกิจมหภาคและความไม่แน่นอนของอุปสงค์ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Apple ยังคงเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการเป็นเจ้าของหุ้นขนาดใหญ่เพื่อการป้องกันตัวเพื่อผ่านพ้นภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น การย่อตัวครั้งต่อไปอาจเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อ
Disclosure: ผู้เขียนมีหุ้น Apple ในครอบครอง