Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน: คาด SET ตอบรับเชิงบวกต่อรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ต่ําคาด และความเห็นที่เป็น ต่อของ กนง. ต่อเศรษฐกิจไทย - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,640 จุด เราคาด ว่า SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway up หลังวานนี้ (10 ส.ค.) พักตัว เพื่อรอรายงาน 3 ตัวเลข ทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อของจีน และสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ํากว่าคาด และการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. เป็นไปตามคาดที่ 0.25% เรามีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อภาพรวมการ ลงทุน โดยสัญญาณ Fedwatch Tool กลับมาให้น้ําหนักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพียง 50bps ในการประชุม FOMC ระหว่างวันที่ 20-21 ก.ย. ขณะที่ความเห็นของ กนง. ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ไทยที่ชัดเจน โดยเฉพาะการบริโภคในประเทศ และจํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ความกังวลที่ ลดลงต่อการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งในประเทศและสหรัฐฯ นอกจากนี้อัตราผลตอบแทน ตลาดพันธบัตร ปรับลดลง โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรไทยที่ลดลงเฉลี่ย 2-7bps รวมไปถึงสถานการณ์ ไต้หวันที่คลี่คลายระยะสั้น หลังจีนประกาศยกเลิกการซ้อมรบ เอื้อต่อการลงทุนระยะสั้น เรายังมีมุมมอง เป็นบวกต่อการลงทุนหุ้นในกลุ่มผลิตไฟฟ้า หุ้นในกลุ่มค้าปลีก อุปโภคบริโภค รวมทั้งหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับ การท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม Sentiment เชิงบวกที่มีต่อ SET ดังกล่าว จะเป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจาก เรายังมองเห็นสัญญาณด้านเศรษฐกิจต่างประเทศที่อ่อนแอ รวมไปถึงทิศทางของเงินเฟ้อที่ยังมีโอกาส ทรงตัวในระดับสูง จะเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป กลยุทธ์การลงทุน หุ้นในพอร์ต 60% เรายังชอบหุ้นในกลุ่มผลิตโรงไฟฟ้า หุ้นเปิดประเทศ และหุ้นท่องเที่ยว เลือก AOT (BK:AOT) BAFS BEM BGRIM GPSC เป็นหุ้นเด่น - กลยุทธ์การลงทุน เราให้น้ําหนักการลงทุน 60% ของพอร์ต โดยเราแนะนําลงทุนหุ้นในกลุ่ม Defensive เลือก BDMS BH ADVANC หุ้นเปิดเมืองเปิดประเทศ เรา เลือก AOT BAFS BEM ERW MINT SHR PTG SUSCO หุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภค และค้าปลีก MBK MAKRO CPALL (BK:CPALL) และหุ้นผู้ผลิตไฟฟ้า เราเลือก EA BGRIM GPSC GULF EGCO ปริมาณสํารองน้ํามันเบนซินลดลง หนุนการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงานระยะสั้น แนะเก็งกําไร เลือก PTTEP TOP SPRC BCP PTT (BK:PTT) เป็นหุ้นเด่น
- สํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงาน ปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.5 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดเพิ่ม 200,090 บาร์เรล) โดยก่อนหน้านี้สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.2 ล้าน บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้าน EIA ยังรายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุด ส่งมอบสัญญาน้ํามันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 723,000 บาร์เรล สู่ระดับ 25.2 ล้านบาร์เรล ประเด็นที่ น่าสนใจอยู่ที่ ปริมาณสํารองน้ํามันเบนซินลดลง 5 ล้านบาร์เรล เป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 10 เดือน (คาด ลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล) ขณะที่ปริมาณสํารองน้ํามันกลั่น (ฮีตติ้งออยล์และน้ํามันดีเซล) เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดว่าลดลง 500,000 บาร์เรล) เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน แนะ เก็งกําไร เลือก เลือก PTTEP TOP SPRC BCP PTT เป็นหุ้นเด่น
• กนง. ปรับขึ้น 0.25% ตามคาด ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก การส่งผ่านต้นทุนและค่าครองชีพสู่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในระยะต่อไป - คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ,6 ต่อ 1 เสียง ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เพิ่มขึ้นจาก 0.50% เป็น 0.75% โดย 1 เสียงเห็นควรให้ขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน และคาดว่าเศรษฐกิจไทย จะกลับเข้าสู่ระดับ Pre Covid ภายในสิ้นปี 2565 และจะขยายตัวต่อเนื่อง ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังมี แนวโน้มอยู่ในระดับสูง ทําให้ กนง. ประเมินว่าการดําเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายมากเป็นพิเศษมีความ จําเป็นลดลง โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นควรให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ เป็นการลดความเสี่ยงที่อาจต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยประเมินว่าการดําเนินการดังกล่าวจะ ไม่กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสําคัญ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว เป็นผลมาจาก จํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด หลังผ่อนคลายนโยบายการเดินทางระหว่างประเทศ และ ความกังวลในการเดินทางท่องเที่ยวที่ลดลง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จาก ตลาดแรงงานและรายได้ครัวเรือนที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัว กนง. ประเมินว่ากระทบเศรษฐกิจไทยค่อนข้างจํากัด แต่ความเสี่ยงจาต้นทุนและค่าครองชีพที่สูงขึ้น มีน้ําหนัก กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยมากกว่า ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2565 มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงอีก ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะทยอยปรับลดลงเข้าสู่กรอบเป้าหมายในปี 2566 ตามแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานที่ ทยอยคลี่คลาย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางไม่ได้ปรับสูงขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไร ก็ดีอัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปยังมีความเสี่ยงสูง ที่จะส่งผ่านต้นทุนไปยังเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นความเสี่ยง ในระยะต่อไป กนง. มีกําหนดการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 28 ก.ย.
บทวิเคราะห์หุ้นรายตัว - Earnings Results: BCPG และ PTTGC ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนําทางเทคนิค ได้แก่ ๕ AWC (แนวต้าน 5.30-5.45 / แนวรับ 5.15-5.05 / Stop loss 4.92) © AOT (แนวต้าน 73.50-74.25 / แนวรับ 71.75-71.00 /Stop loss 69.5) SISB (แนวต้าน 14.10-14.4 / แนวรับ 13.70-13.60 / Stop loss 13.00)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities