รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ปรับขึ้นยังยาก แต่ DOWNSIDE ก็ไม่มาก

เผยแพร่ 04/08/2565 09:42
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ปัจจัยความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ที่ร้อนแรงเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องแคบไต้หวัน หลังประธานสภาผู้แทนราษฎร์สหรัฐเดินทางมาเยือน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับ รัฐบาลจีน นำมาซึ่งการจำกัดการนำเข้าสินค้าราว 2000 รายการจากไต้หวัน และ จะเริ่มการซ้อมรบด้วยกระสุนจริง 6 จุดรอบเกาะไต้หวันตั้งแต่วันนี้ – 7 ส.ค.65 แม้ ยังไม่เห็นการใข้ความรุนแรงระหว่างกัน แต่ก็ถือเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับ นักลงทุน และน่าจะส่งผลทำให้การปรับตัวขึ้นไปของ SET Index ในช่วงนี้ยัง ค่อนข้างยาก แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่า Downside ของตลาดฯ ก็ถูกจำกัดเช่นกัน โดยมีแรงหนุนจากเศรษฐกิจบ้านเราที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง สวนทางประเทศเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่ที่ชะลอตัว ทำให้Fund Flow เริ่มกลับทิศทางไหลเข้าสู่ตลาดการเงิน ของไทยเพิ่มขึ้น ส่วนอีกประเด็นที่ต้องติดตามคือการประกาศงบ 2Q65

คาดว่า SET Index น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1575 – 1600 จุด พอร์ตจำลองให้ Take Profit หุ้น TRUE รับกำไรกว่า 5% ให้นำเงิน 5% เข้าซื้อ SAPPE ส่วนอีก 5% เพิ่มเงินสดเป็น 15% หุ้น Top Pick เลือก BAM, TPIPL และ SAPPE

กระแสสงครามจีน-สหรัฐฯ สร้างแรงกดดันตลาดหุ้นแถบเอเชีย ขณะที่ ปัญหาชิบขาดแคลนจะมีหรือไม่ มาดูกัน ?

Nancy Pelosi เดินทางออกจากไต้หวันและมุ่งหน้าไปยังเกาหลีใต้ต่อในวันนี้โดยได้กล่าว ว่าจะไม่มีวันทอดทิ้งไต้หวัน ทั้งนี้การเดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นเรื่องของมิตรภาพล้วน ๆ และหวังว่า จีนจะไม่ขัดขวางมิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ กับไต้หวัน ขณะที่รัฐบาลจีนตอบโต้ การกระทำดังกล่าวทันที โดยมีอยู่ 2 เหตุการณ์ ดังนี้

1. ประกาศการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในวันที่ 4-7 ส.ค. ในน่านน้ำและน่านฟ้าที่ ล้อมรอบไต้หวัน เตือนไม่ให้มีเรือหรือเครื่องบินใดล้ำเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ระหว่างฝึกซ้อม และกระทรวงต่างประเทศของจีนมีการเรียกตัว เอกอัครราชทูต สหรัฐฯ ประจำกรุงปักกิ่ง เพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างรุนแรงต่อการกระทำของ สหรัฐฯ

2. จีนได้ระงับการนำเข้าสินค้าหลายรายการจากไต้หวัน ทั้งผลไม้ประเภทส้ม ทราย บิสกิต และปลาทูแช่แข็ง 2 ชนิด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. เป็นต้นไป รวมทั้งระงับการส่งออกทรายไปยังไต้หวันอย่างไม่มีกำหนด

ซึ่งแรงกดดันดังกล่าว คาดสร้าง Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นเอเซียให้แกว่งผันผวนใน กรอบแคบ โดยวันนี้มองกรอบ SET Index ไว้ที่ระดับ 1575 -1600 จุด ซึ่งต่างจากตลาด หุ้นสหรัฐฯที่วานนี้ปรับขึ้น 1.2%-2.6% จากการรายงานผลหระกอบการของบริษัทจด ทะเบียนงวด 2Q65 ที่ดีกว่าคาด โดยล่าสุด S&P Index ประกาศงบงวด 2Q65 มา 377 บริษัท จากทั้งหมด 498 บริษัท ดีกว่าคาด 5.20%

สำหรับความกังวลความขัดแย้งระหว่างจีน-ไต้หวันที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มชิ้นส่วนฯ ไทย ล่าสุดจีนได้ประกาศกีดกันทางการค้ากับไต้หวันหลายรายการ โดยจีนสั่งระงับการส่งออก สินค้าหลายประเภทให้แก่ไต้หวัน รวมถึงทรายธรรมชาติด้วย ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นทางสำหรับ การผลิตแผ่นซิลิคอน เวเฟอร์ (Silicon wafer) ที่เป็นชิ้นส่วนต้นนำหลักสำหรับ อุตสาหกรรมการในผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ฝ่ายวิจัยประเมินว่าต้องติดตามว่าทรายที่ถูก ระงับการส่งออกเป็นประเภทอะไร หากเป็นทรายชนิด Silica sand จะทำให้การผลิตแผ่น wafer ดังกล่าวติดขัดได้ และต้องติดตามว่าไต้หวันจะสามารถหาแหล่งนำเข้าทรายจาก ประเทศอื่นมาทดแทนได้หรือไม่

นอกจากนี้บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ที่เป็น ผู้ผลิตชิพที่มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของโลก กล่าวว่าหากจีนรุกรามไต้หวันรุนแรงขึ้น โรงงานที่ผลิตชิพนี้จะไม่สามารถปฎิบัติงานได้ เนื่องจากยังต้องใช้วัตถุดิบต่างๆจากทั้งจีน และทั่วโลก ฝ่ายวิจัยประเมินว่าหากความขัดแย้งรุนแรงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มชิ้นส่วน ฯไทยได้ ทำให้เกิดปัญหา Supply chain ให้มีต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ และปัญหา ชิพขาดแคลนจะยื้ดเยื้อได้จากเดิมที่คาดว่าจะทยอยดีขึ้นในช่วง 2H65 นี้ เนื่องจาก ผู้ประกอบการไทยเป็นผู้ผลิตกลางน้ำและยังต้องพึ่งพาการนำเข้าแผ่น Wafer จาก ต่างประเทศ

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวล RECESSION + สต็อก น้ำมันดิบสหรัฐพุ่งสูงกว่าคาด กดดัน PTT (BK:PTT) PTTEP TOP

คืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น +2% มาอยู่ที่ 102 เหรียญต่อบาร์เรลทันทีหลัง ผลการประชุมโอเปกพลัส (OPEC+) เสนอให้เพิ่มกำลังการผลิตเพียง 100,000 บาร์เรลต่อ วันในเดือนหน้า ซึ่งถือต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับการเพิ่มกำลังการผลิตถึง 648,000 บาร์เรล ต่อวันในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา หรือในเดือนมิถุนายนที่มีการเพิ่มกำลังการ ผลิตที่ 432,000 บาร์เรลต่อวัน และถือเป็นการเพิ่มกำลังการผลิตที่แทบจะน้อยที่สุดใน ประวัติศาสตร์ของกลุ่มโอเปก ซึ่งดูเหมือนการไปเยือนซาอุดิอาระเบีย ของไบเดนที่ พยายามโน้มน้าวให้ทางกลุ่มผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนไม่เป็นผลตามที่คาดหวังไว้แต่ จากนั้นราคาน้ำมันดิบก็ร่วงลงมาปิดที่ 96.78 เหรียญฯต่อบาร์เรล(-3.7%)

หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อก น้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ ลดลง 700,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 163,000 บาร์เรล สวนทางกับที่ นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่ความกังวลเรื่อง Recession ของ หลายประเทศทั้งยุโรป และจีนที่ GDP Growth ล่าสุดโตต่ำเพียง +0.7%QoQ และ +0.4%QoQ ตามลำดับ และมี Downside จากประมาณการทั้งในฝั่งยุโรปที่มีความเสี่ยง เรื่องมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย และจีนที่มีความเสี่ยงประเด็น Lockdown ในประเทศอีก ครั้งขณะที่ประเด็น Demand การใช้น้ำมันยังชะลอตัวลง สังเกตจากรายงาน Bloomberg ที่บ่งชี้ว่าการใช้น้ำมันเบนซินของผู้บริโภคในสหรัฐฯเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ต่ำสุดนับจาก 2020 และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในย้อน 5 ปีปกติ (2015-2019)

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

แม้มีปัจจัยบวกราคาน้ำมันดิบจากการเพิ่มกำลังการผลิตที่น้อยกว่าคาดของกลุ่ม OPEC+ อย่างไรก็ตามตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เยอะกว่าคาด บวกกับความกังวล Recession ในหลายประเทศ และ Demand การใช้น้ำมันที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ราคา น้ำมันดิบปรับตัวลงแรงและมีแนวโน้มจะปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้น กลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP TOP เป็นต้น

ไทยอยู่ในช่วง RECOVERY ไม่ต้องกังวลเรื่อง RECESSION เหมือน ต่างประเทศเป็นบวกต่อทิศทางFUND FLOW

ภาพเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากมุมมองของ IMF ทึ่คาดว่า เศรษฐกิจ ไทยปี 2566 จะเติบโตถึง 4% สูงกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ 2.9% สอดคล้องกับ กระทรวงการคลังที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 4.2% เงินเฟ้อปี 2566 กลับมาอยู่ที่ +2.5% รวมถึงตัวเลขส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเห็นตัวเลข นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดือน ก.ค. 65 ที่ทะลักเข้ามาสูงกว่าคาดมาก อยู่ที่ 1.2 ล้านคน หนุน 7 เดือนแรกมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยแล้วกว่า 3.3 ล้านคน

ขณะเดียวกันหากมาดูสถานะทางการเงินของประเทศ ฝ่านระดับเงินทุนสำรองระหว่าง ประเทศของประเทศไทย ณ สิ้น มิ.ย.65 พบว่ายังอยู่ที่ระดับ 247.1 พันล้านเหรียญ คิดเป็น สัดส่วนราว 51% ของ GDP และเป็น 2.6 เท่า (เกณฑ์สากล > 1 เท่า)ของมูลค่าหนี้สินสกุล ต่างประเทศ หากนำไปเทียบกับมูลค่าการนำเข้าสินค้ารายเดือน พบว่ายังสูงถึง 9.6 เท่า (เกณฑ์สากล > 3 เท่า) ซึ่งทุกเกณฑ์ชี้วัดความแข็งแกร่งของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ถือว่าประเทศไทยอยู่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากล

ดังนั้นทั้งเศรษฐกิจไทยที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับสถานะการเงินที่ยังแข็งแกร่ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยดูมีเสนห์มากขึ้น หนุน Fund Flow สลับเข้ามาซื้อสุทธิบ้าง เสริม ตลาดหุ้นไทยให้มีโอกาสผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศบางแห่งได้

กลยุทธ์แนะนำสะสมหุ้นมีแรงหนุนจากกำไร Recovery อย่าง PYLON, TPIPL, SAPPE เป็น Top pick ส่วนภาพรวมตลาดวันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1575 – 1600 จุด

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย