ตลาดน้ำมันตอบสนองอย่างไร เมื่อการแบนน้ำมันจากรัสเซียไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คิด

เป็นเวลาเกือบห้าเดือนแล้วที่ยุโรปตะวันตกเริ่มระงับการซื้อขายทรัพยากรพลังงานของรัสเซียเพื่อตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซียในยูเครน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ โอลัฟ ช็อลทซ์ นายกรัฐมนตรีของเยอรมนีได้ระงับการรับรองท่อส่งน้ำ Nord Stream 2 ซึ่งพร้อมที่จะเริ่มส่ง ก๊าซธรรมชาติ ไปยังเยอรมนี

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราได้เห็นการประกาศคว่ำบาตรที่บังคับให้บริษัทน้ำมันตะวันตก  และบริษัทก๊าซนำธุรกิจออกจากรัสเซีย การควบคุมการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย สหรัฐห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน และคำมั่นสัญญาจากสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ที่จะยุติหรือห้ามการนำเข้าน้ำมัน รัสเซีย ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และถ่านหินที่ส่งทางทะเลในภายหลัง

การกระทำเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไร และสิ่งที่เราคาดหวังได้เกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซของรัสเซียในอนาคต

1. น้ำมันและก๊าซธรรมชาติถูกโยกย้ายไปที่อื่น

ตามที่ฉันคาดการณ์ น้ำมันรัสเซียไม่ได้หายจากตลาดไปไหนเมื่อตะวันตกพยายามเลี่ยงการนำเข้า หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ ที่รัสเซียลดการผลิตบางส่วน บริษัทน้ำมันของรัสเซียก็พบลูกค้าใหม่ในอินเดียและจีน พวกเขาเสนอส่วนลดจำนวนมากให้กับโรงกลั่นที่ยินดีจ่าย ขนส่ง และประกันน้ำมัน เมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเป็นตัวเลขสามหลัก ส่วนลดเหล่านี้ทำให้น้ำมันของรัสเซียน่าดึงดูดยิ่งขึ้น รัสเซียเปิดตลาดใหม่ขนาดใหญ่สำหรับน้ำมันในอินเดียและเพิ่มการส่งออกไปยังจีนอย่างมาก อันที่จริง รัสเซียเอาชนะซาอุดีอาระเบียในการเป็นซัพพลายเออร์อันดับต้น ๆ รายใหญ่ของประเทศจีน ในขณะเดียวกัน ยอดขายของซาอุดีอาระเบียไปยังจีนก็ลดลง ในเดือนพฤษภาคม รัสเซียกลายเป็นซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับสองของอินเดีย โดยส่งน้ำมัน 819,000 บาร์เรลต่อวันไปยังโรงกลั่นของอินเดีย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียง 75,000 bpd ในปีที่แล้ว น้ำมันรัสเซียถูกส่งไปยังยุโรปน้อยลง และอีกมากกำลังมุ่งหน้าไปยังเอเชีย

ความต้องการซื้อน้ำมันรัสเซียราคาถูกของอินเดียและจีนมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปตราบใดที่ราคาน้ำมันยังคงสูง (หรืออย่างน้อยก็สูงกว่าส่วนลดที่พวกเขาได้รับจากรัสเซีย) มีการพูดคุยกันว่าสหรัฐฯ อาจพยายามกำหนดมาตรการคว่ำบาตรกับบริษัทต่าง ๆ ที่นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนี้ทำได้ยากมาก คาดว่าน้ำมันที่ออกจากจากรัสเซียไปยังอินเดียและจีนจะดำเนินต่อไป ในขณะที่น้ำมันซาอุดิอาระเบียอาจส่งไปยังยุโรปแทน

2. การผลิตและผลกำไรของรัสเซียปรับตัวขึ้น

ประเด็นของการคว่ำบาตรคือความพยายามในการลดรายรับของรัสเซียจากน้ำมัน อย่างไรก็ตาม การคว่ำบาตรเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีผลจริงจนถึงเดือนธันวาคม กลับตรงกันข้าม เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น (ส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำเหล่านี้) ราคาน้ำมันของรัสเซียที่ลดราคาก็ยิ่งน่าสนใจขึ้นสำหรับประเทศนอกภาคตะวันตก พวกเขาพบวิธีที่จะหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรการทำธุรกรรมทางธนาคารและการประกันภัยทางทะเล และในไม่ช้าความต้องการน้ำมันของรัสเซียก็สูงกว่าอุปทานจริง ๆ เพื่อเป็นการตอบโต้ บริษัทน้ำมันของรัสเซียได้เพิ่มการผลิต โดยสูบเฉลี่ย 10.78 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับการผลิตของรัสเซียในเดือนมิถุนายน ซึ่งตามข้อมูลของ Platts เฉลี่ยถึง 9.75 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่สหรัฐ รายได้น้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้น 50% จากต้นปี 2022 คาดว่ารายรับจากน้ำมันของรัสเซียจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นตราบเท่าที่การคว่ำบาตรยังคงมีอยู่ ยกเว้นภาวะถดถอยทั่วโลกที่ร้ายแรง G7 ได้หารือกันถึงแผนการจัดตั้ง "การกำหนดราคา" สำหรับน้ำมันของรัสเซีย แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการบังคับใช้ราคานี้อย่างไร และไม่น่าเป็นไปได้ที่กลไกดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ก่อนเดือนธันวาคม

3. ยุโรปต้องการพลังงานจากรัสเซียมากกว่าแรงกดดันทางการเมือง

แม้จะพูดถึงการตัดรายได้ด้านพลังงานของรัสเซียเพื่อลงโทษรัสเซียสำหรับการปฏิบัติการทางทหารในยูเครน แต่ยุโรปก็ยังคงซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันและก๊าซของรัสเซียต่อไป ในเดือนกรกฎาคม 60% ของการนำเข้าน้ำมันดีเซลของยุโรปมาจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม สหภาพยุโรป ตกลงในเดือนพฤษภาคมที่จะลดการนำเข้าปิโตรเลียม 90% จากรัสเซียภายในสิ้นปี 2022 โดยยังเรียกร้องให้ทุกประเทศในยุโรปลดการใช้ก๊าซธรรมชาติลง 15% ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 ถึงมีนาคม 2023 แนวคิดคือการลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติของรัสเซียของยุโรปและลดรายรับก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย ในกรณีฉุกเฉินด้านอุปทาน สหภาพยุโรปอาจกำหนดให้มีการตัดจำหน่าย บางประเทศในยุโรปกำลังผลักดันนโยบายนี้กลับ ตัวอย่างเช่น สเปนซึ่งมีแหล่งก๊าซธรรมชาติอื่น ๆ ไม่สนับสนุนข้อเสนอนี้ เพราะมันเรียกร้องให้มีการเสียสละทางเศรษฐกิจที่พวกเขาเชื่อว่าไม่สมเหตุสมผล ผู้ค้าไม่ควรสันนิษฐานว่าการตัด การแบน และการคว่ำบาตรเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ตามที่เขียนไว้ เนื่องจากความไม่เต็มใจที่เพิ่มขึ้นในยุโรปที่จะเสียสละในนามของยูเครน คาดว่าความต้องการพลังงานของยุโรปจะยังคงมีมากกว่าแรงกดดันทางการเมือง

DIsclaimer: ผู้เขียนบทความดังกล่าวไม่ได้ถือครองสินทรัพย์ที่เขียนถึงเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน