Headline Inflation June 2022Actual: 7.66% Previous: 7.10%
KTBGM: 8.00% Consensus: 7.45%
-
กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายน เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 7.66% จากราคาพลังงานและราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะค่าโดยสารสาธารณะก็ปรับตัวขึ้นตามการส่งผ่านของต้นทุนที่สูงขึ้น
-
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มองว่า เงินเฟ้อในไตรมาสที่ 3 ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง จากราคาสินค้าพลังงานที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้น กอปรกับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยก็มีส่วนหนุนให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นได้ อย่างไรก็ดี มาตรการดูแลค่าครองชีพรวมถึงการตรึงราคาสินค้าที่จำเป็นและราคาพลังงาน อาจเป็นปัจจัยช่วยลดทอนเงินเฟ้อได้
-
แม้ว่า เงินเฟ้อจะออกมาน้อยกว่าที่เราคาด แต่จะเห็นได้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ ทำให้เราคงมุมมองสอดคล้องกับประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทยว่า เงินเฟ้อทั่วไปมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อและทำจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 3 โดยมีความเสี่ยงที่ต้องระวังคือ ราคาพลังงานที่อาจพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง หากรัสเซียยุติการส่งออกน้ำมัน
-
แนวโน้มเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงและโมเมนตัมการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้เรามองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สามารถทยอยขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ 2 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับ 1.00% แต่ต้องติดตามคาดการณ์เงินเฟ้อระยะปานกลางอย่างใกล้ชิด เพราะ
-
หากเร่งตัวขึ้นไปมาก ก็อาจเป็นแรงกดดันให้ กนง. เร่งขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่เราคาดได้เช่นกัน
กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 7.66% เร่งตัวขึ้น จากระดับ 7.10% ในเดือนพฤษภาคม
-
กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนล่าสุด ปรับตัวขึ้น 0.90% จากเดือนก่อนหน้า ชะลอลงจากที่ปรับตัวขึ้นราว +1.40% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาสินค้าหมวดยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวขึ้น +3.4% ซึ่งส่งผลให้มีการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าและบริการ อย่าง ค่าโดยสารสาธารณะ +1.1% ขณะเดียวกันราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง +0.58%
-
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เงินเฟ้อทั่วไปเร่งขึ้นสู่ระดับ 7.66% จาก 7.10 % ในเดือนก่อนหน้า จากราคาสินค้าพลังงาน ที่ส่งผลให้ราคาสินค้าหมวดยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวขึ้น +22% ส่วนราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์โดยรวมปรับตัวขึ้นราว +6.4% เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ตามการเพิ่มขึ้นของราคาต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบ
-
กระทรวงพาณิชย์ มองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาสที่ 3 ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง จากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ท่ามกลางสภาวะตึงตัวของอุปทาน ขณะเดียวกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและการส่งออก ก็มีส่วนช่วยหนุนเงินเฟ้อ ทว่า กระทรวงพาณิชย์มองว่า มาตรการดูแลค่าครองชีพและการตรึงราคาสินค้าที่จำเป็น รวมถึงราคาพลังงาน อาจมีส่วนช่วยชะลอการปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อได้บ้าง
เราคงมุมมองว่า แรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังมีอยู่จะหนุนให้ ดอกเบี้ยนโยบายของไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.00% ในปีนี้ จากระดับ 0.50% ปิดฉากเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง
-
เราประเมินว่า ปัจจัยหนุนเงินเฟ้อของไทยนั้น ยังคงมาจากราคาสินค้าพลังงานและอาหารเป็นหลัก แต่ก็เริ่มเห็นการส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นและทำให้การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าเป็นวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ โมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดจะทำให้เงินเฟ้อทั่วไปมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นและทำจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 3 ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะหนุนให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.00% ได้ในปีนี้ โดยเริ่มการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนสิงหาคมและครั้งถัดไปในการประชุมเดือนพฤศจิกายน
-
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ต้องติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนและการคว่ำบาตรเพิ่มเติมของชาติตะวันตก เพราะหากรัสเซียตอบโต้ด้วยการยุติการส่งออกพลังงาน ก็มีโอกาสทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง และยิ่งหนุนให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นได้มาก จนอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้คนต่อคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะถัดไป โดยหากผู้คนเริ่มประเมินว่า เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงได้นาน จนทำให้คาดการณ์เงินเฟ้อระยะปานกลางปรับตัวขึ้นก็มีโอกาสที่ทำให้บรรดาธนาคารกลาง โดยเฉพาะเฟดอาจกลับมาเร่งขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งในภาพดังกล่าว กนง. อาจเริ่มมีความกังวลต่อเงินเฟ้อมากขึ้นและเป็นไปได้ที่จะเห็นคณะกรรมการบางท่าน อาจสนับสนุนการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ ทั้งนี้ เราประเมินว่า ชัยชนะของกองทัพรัสเซียในภูมิภาคดอนบาสล่าสุด อาจทำให้กองทัพรัสเซียใกล้ประกาศชัยชนะตามเป้าหมายของสงครามในเฟสที่ 2 ซึ่งเป็นไปได้ว่า รัสเซียอาจลดความรุนแรงของสงครามลงและเปิดโอกาสให้มีการเจรจาเกิดขึ้นได้ โดยในกรณีดังกล่าว ชาติตะวันตกอาจไม่จำเป็นต้องคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ซึ่งจะลดโอกาสการตอบโต้ของรัสเซียด้วยการยุติการส่งออกพลังงาน นอกจากนี้ แม้ราคาน้ำมันจะมีแรงหนุนจากภาวะอุปทานตึงตัว แต่แรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนักและเสี่ยงถดถอย ก็อาจช่วยจำกัดการเร่งตัวขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ได้
