Investment Ideas:
SET ฟื้นตัวจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และหุ้นกลุ่มเปิดเมืองเปิดประเทศ - SET วานนี้ปิดที่ระดับ 1,594.47 จุด เพิ่มขึ้น 14.27 จุด (+0,90%) มูลค่าการซื้อขาย 60,346 ล้านบาท (สูงสุด 1,596.27 จุด และต่ําสุด 1,576.75 จุด) SET ปรับขึ้นจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง และหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตาม ทิศทางราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการผ่อนคลายของท่าทางการจีน ใน การประกาศปรับลดจํานวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ 10 วัน ลดลงจากเดิมที่กําหนดให้กักตัว นานถึง 3 สัปดาห์ ภาพรวมการลงทุนวันนี้: คาด SET จะเคลื่อนไหว Sideway ถึง Sideway down - เราคาดว่า SET วันนี้ จะ เคลื่อนไหวในกรอบ 1,575-1,602 จุด เราคาดว่า SET มีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway ถึง Sideway down หลังสัปดาห์นี้ SET ปรับขึ้น 38.86 จุด (+2.4%) ตอบรับเชิงลบต่อความกังวลต่อการรายงานตัวเลข ทางด้านเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ตามมุมมองของเราในช่วงต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของ ผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. ที่ปรับลดลงมากกว่าคาด ขณะที่การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของ สัปดาห์ ยังคาดหมายในเชิงลบ ทั้ง GDP สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และ CPI ของยูโรโซน และรายงาน PMI ภาคการผลิตของ จีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และสหรัฐฯ โดยเฉพาะคืนนี้ยังคงติดตามรายงาน GDP สหรัฐฯ ช่วง 1Q65 ซึ่งประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ก่อนหน้านี้คาดว่าจะหดตัว 1.4% และหดตัว 1.5% ตามลําดับ กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนํา Selective หุ้นส่งออกอาหาร และหุ้นในกลุ่มเปิดเมืองเปิด
ประเทศ รวมไปถึงแนะเก็งกําไรหุ้นกลุ่มพลังงาน ระยะสั้น • กลยุทธ์การลงทุน หุ้นในพอร์ต 40% เน้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ส่งออกอาหาร และโรงไฟฟ้า
- กลยุทธ์การลงทุนเราให้น้ําหนักการลงทุนในหุ้น 40% ของพอร์ต เราปรับพอร์ตหุ้นมาสู่หุ้นที่ Defensive มากขึ้น เลือก หุ้นใน กลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ราคาหุ้นยัง Laggard เราเลือก RATCH EGCOCKP GULF GPSC และ BGRIM และหุ้นใน กลุ่มโรงพยาบาล เราเลือก BH และ BDMS หุ้นใน Theme เปิดเมืองเปิดประเทศ เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS BEM ERW MINT SHR และ VRANDA และหุ้นส่งออกกลุ่มอาหาร เราเลือก TU CPF GFPT TFG และ ASIAN ที่ได้ ประโยชน์จากภาวะขาดแคลนอาหารทั่วโลก และค่าเงินบาทอ่อนค่า ราคาน้ํามันดิบยังคงปรับเพิ่ม จากความกังวลต่อภาวะอุปทานตึงตัว แนะเก็งกําไร เลือก PTTEP TOP และ BCP เป็นหุ้นเด่น - สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. ปิดที่ 111.76 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.19 เหรียญ (+29%) ราคาน้ํามันดิบยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการผ่อนคลายของท่าทางการจีน ในการประกาศ ปรับลดจํานวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ 10 วัน ลดลงจากเดิมที่กําหนดให้กักตัวนานถึง 3 สัปดาห์ เป็นปัจจัยหนุน Demand น้ํามันดิบ ยิ่งเป็นปัจจัยที่ทําให้ความกังวลต่อภาวะอุปทานตึงตัว จากผลกระทบ ต่อเนื่องจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน รวมถึงมาตรการ Sanction รัสเซียจากกลุ่ม G7 ขณะที่การเจรจา ข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ยังไม่มีความคืบหน้า รวมไปถึงข้อจํากัดการเพิ่มกําลังผลิต น้ํามันในหลายประเทศ รวมไปถึงกลุ่ม OPEC+ ที่ล่าสุด ซาอุดีอาระเบีย และ UAE เหลือ Spare Capacity ไม่มาก โดยเฉพาะ UAE ที่ปัจจุบันผลิตที่ระดับ 3.168 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งใกล้ระดับเต็มกําลังผลิต ทําให้เรา คาดหมายว่า OPEC+ จะปรับเพิ่มกําลังผลิตมากกว่าแผนในเดือน ก.ค. และ ส.ค. เป็นไปได้ยาก โดยเราคาด ว่าการประชุม OPEC+ ในวันที่ 30 มิ.ย. จะยังคงแผนเพิ่มกําลังผลิตเพียง 648,000 บาร์เรลต่อวัน ระยะสั้น เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน เลือก PTTEP TOP และ BCP เป็นหุ้นเด่น
สัปดาห์นี้ติดตามรายงาน PMI ของจีน รวมไปถึงรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE) - 29 มิ.ย. : สหรัฐ - รายงาน GDP ในช่วง 1Q65 (คาด -1.5%QoQ) / ถ้อยแถลงของประธานนาย เจอร์โรม พาวเวลล์ ประธานธนาคาร กลางของสหรัฐฯ (เฟด) นางคริสตีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่า การธนาคารกลางแห่งอังกฤษ (BoE) // 30 มิ.ย. : จีน - ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน เดือน มิ.ย. (คาด 48.6 จุด ลดลงจากเดือน พ.ค. ที่ 49.6 จุด) / อังกฤษ - รายงาน GDP ในช่วง 1Q65 (คาดเพิ่มขึ้น 0.8%QoQ และ เพิ่มขึ้น 8.79%YoY) / สหรัฐฯ - จํานวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (คาดเพิ่มขึ้น 2.27 แสนราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่ 229 แสนราย) / สหรัฐฯ : ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) เดือน พ.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 0.4%MoM และเพิ่มขึ้น 4.8%YoY ลดลงจากเดือน เม.ย. ที่ 4.9%YoY) รวมไปถึง การประชุม OPEC+//1 มิ.ย. : อังกฤษ - ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือน มิ.ย. (คาด 53.4 จุด เท่ากับเดือน พ.ค.) / EU - ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มิ.ย. (คาดอยู่ที่ 8.3%YoY เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. ที่ 8.1%YoY) / สหรัฐฯ - ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) เดือน มิ.ย. (คาด 55.0 จุด ลดลงจากเดือน พ.ค. ที่ 56.1 จุด)
ปัจจัยทางเทคนิค - หุ้นแนะนํา ได้แก่ ๒ AAV (แนวต้าน 3.04-3.10 / แนวรับ 2.92-2,76/Stop loss 2.66) @ MAKRO (แนวต้าน 37.25-39.00 / แนวรับ 35.0-34.25/Stop loss 32.50) © CRC (แนวต้าน 36.75-38.00 / แนวรับ 35.00-34.25/Stop loss 32.00)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities