ธปท.ปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 2565 ขึ้นจาก 4.9% เป็น 6.2% โดยน่าจะเห็น จุดสูงสุดใน 3Q65 ซึ่งสอดคล้องกับที่ฝ่ายวิจัยประเมินว่าจะเห็นจุดสูงสุดในเดือน ส.ค.ที่บริเวณ 10% พร้อมกันนี้ได้คาดการณ์ว่า GDP Growth ปี 2565 จะอยู่ที่ 3.3% ด้วยมุมมองดังกล่าวทำให้ ธปท. อยู่ในสภาวะที่พร้อมสำหรับการปรับขึ้น ดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมรอบ 10 ส.ค.65 ทั้งนี้หากในการประชุม กนง. อีก 3 รอบทึ่เหลือของปีนี้ มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยทุกรอบในอัตรา 0.25% ต่อครั้ง ดอกเบี้ย นโยบายจะไปอยู่ที่ 1.25% ซึ่งฝ่ายวิจัยเห็นว่าระดับของ SET Index ที่จะรองรับ แรงกดดันดังกล่าวได้ น่าจะอยู่ที่บริเวณ 1570 จุด ภายใต้สมมุติฐานว่า EPS ปี 2565 อยู่ที่ 88.9 บาท/หุ้น และกำหนด Market Earning Yield Gap ที่ 4.4% ดังนั้นหาก SET Index ลงมาต่ำกว่าบริเวรดังกล่าวจะเป็นจุดที่ทยอยซื้อหุ้นสะสม
คาด SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1570 – 1590 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ไม่มีการ ปรับเปลี่ยน โดยให้ถือเงินสดสำรอง 20% รอจังหวะซื้อหุ้นที่ระดับ SET Index ไม่ เกิน 1570 จุด หุ้น Top Pick เลือก BEM, CRC และ TPIP
รัสเซียผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศเป็นครั้งแรกนับจากปี 1918 ขณะที่ สงครามดูรุนแรงขึ้นทุกวัน
สำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า รัสเซียมีกำหนดชำระดอกเบี้ยจำนวน 100 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ(ราว 3,550 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 27 พค 65 โดยรัสเซียเผยว่าได้ชำระผ่านยูโรเคลียร์ เพื่อให้บริษัทให้บริการทางการเงินแห่งนี้ชำระให้แก่เจ้าหนี้อีกที แต่มาตรการคว่ำบาตรของ ชาติตะวันตกทำให้ยูโรเคลียร์ไม่สามารถทำธุรกรรมดังกล่าวได้ ทันการชำระภายใน 30 วัน หลังวันครบกำหนด หรือภายในเย็นวันที่ 26 มิย 65 จึงถือว่าผิดนัดชำระหนี้ ด้านยูโร เคลียร์แจ้งว่า ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร แต่ไม่ระบุว่าการชำระเงินถูกบล็อก จึงทำให้ รัสเซียผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศเป็นครั้งแรกนับจากปี 1918 อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ถือ ได้ว่ารัสเซียมีการผิดนัดชำระหนี้ในเชิงเทคนิคเท่านั้น และไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาด การเงิน
ขณะที่สงครามยูเครน-รัสเซียดูรุนแรงขึ้น หลังรัสเซียยิงมิสไซล์โจมตีห้างในยูเครนที่มี ประชาชนราว 1,000 คน โดยทางประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า ตอนนี้มีรายงานผู้เสียชีวิต เข้ามา 2 รายและบาดเจ็บ 20 คน และคาดว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งฝั่ง NATO เองก็มีความเคลื่อนไหวหลัง เลขาธิการ NATO ได้พูดระหว่างการแถลงข่าวก่อนการ ประชุมสุดยอด NATO โดยกล่าวว่า NATO กำลังขยายเพิ่มกองกำลังฉุกเฉิน (NATO Response Force) ซึ่งมีกำลังพลประมาณ 40,000 ราย ให้กลายเป็น มากกว่า 300,000 นาย เพื่อรับมือกับสภาวะฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ยังมี การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนในปัจจุบัน
สถานการณ์รัสเซีย - ยูเครน ถือเป็นจุดศูนย์กลางของปัญหาหลายประการ ซึ่งดูท่าที ไม่น่าจะจบในเร็ววัน จึงเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวและทำให้ตลาดหุ้น กลับมาแกว่งตัวในแดนลบ ตลาดหุ้นสหรัฐ – 0.2% -0.7% และราคาน้ำมันดีดกลับ ช่วงสั้น 1.7%
ธปท. ปรับมุมมองเศรษฐกิจ เพิ่มเงินเฟ้อโต 6.2%เพิ่ม GDP เป็น 3.3%
วานนี้ธปท. จัดงานสัมนานักวิคราะห์ โดยฝ่ายวิจัยฯ ทำการนำมุมมองของธปท. มาปรับ เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม พร้อมกับแนะนำหุ้นลงทุน ในแต่ละประะเด็นสำคัญๆ ดังนี้
1. ธปท. มีการปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2565 จากเดิมโต 4.9% เป็น 6.2% และคาด ว่าจะเป็นการทำจุดสูงสุดในช่วง 3Q65 โดยปัญหาหลักๆ มาจากสงครามรัสเซีย ยูเครนที่ยืดเยื้อ ซึ่งการปรับมุมมองของธปท. ถือว่าสอดคล้องกับมุมมองฝ่ายวิจัย ASPS ที่นำเสนอมาตลอดว่า กนง.มีโอกาสเห็นตัวเลขเงินเฟ้อเร่งขึ้นมาแตะระดับ 10%yoy ในเดือน ส.ค. 65 (หากเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระดับค่าเฉลี่ย ytd ที่ 0.92%mom) หลังจากนั้นค่อยๆ ทยอยลดลง ประเด็นดังกล่าวแนะนำหุ้นมีเกราะ ป้องเฟ้อและได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานลดลง อย่าง OSP CBG TRUE DTAC ADVANC KEX SCC TPIPL
2. ธปท. ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP65F จากเดิม 3.2% เป็น 3.3% พร้อมกับปรับยอด นักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีเพิ่มขึ้นจาก 5.6 ล้านคน เป็น 6 ล้านคน ถือว่าอยู่ใน ระดับกรอบบนของคาดการณ์ตัวเลข GDP65F ในหลายๆ สำนักฯ ที่อยู่ในช่วง 2.5% – 4% และภาพการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้น ถือเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นเปิด เมือง แนะนำ BEM AAV CRC CENTEL ERW AOT (BK:AOT)
3. แม้กนง.จะไม่มีแผนที่จะประชุมนัดพิเศษ แต่ก็มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยเพื้อสกัดกั้นเงิน เฟ้อ พร้อมกับให้ความเห็นหากขึ้นดอกเบี้ยจะไม่ทำให้เศรษฐกิจไทยสะดุด โดยฝ่าย วิจัยฯ ประเมินว่า ในการประชุม 3 รอบที่เหลือของปี หากกนง. มีการขึ้นดอกเบี้ยทุก รอบ จะทำให้ดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นจาก 0.5% เป็น 1.25% ตามกลไกภายใต้ MEYG ที่ระดับ 4.41% จะได้ PER65F ที่เหมาะสมลดลงจาก 20.36 เท่า มาเหลือ 17.66 เท่า เมื่อคูณกับ EPS65F ที่ 88.9 บาท/หุ้น จะได้ดัชนีรองรับแรงกดดันที่ระดับ 1570 จุด ส่วนหุ้นได้ประโยชน์จากการขึ้นดอกเบี้ยแนะนำ KBANK (BK:KBANK) SCB BBL BLA ฯลฯ แต่อาจเป็นลักษณะการทยอยสะสมเนื่องจากปัจจุบันอาจโดนแรงกดดันจาก การทยอยปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันฯ เพื่อจองซื้อหุ้น IPO ขนาดใหญ่
สรุปทั้ง 3 ประเด็นมุมมองธปท. ต่อภาพเศรษฐกิจไทย ฝ่ายวิจัยแนะนำกำหนดกลยุทธ์ ลงทุนให้เหมาะสมกับมุมมอง โดยแนะนำสะสมหุ้น 3 กลุ่ม คือ หุ้นมีเกราะป้องกันเงิน เฟ้อ, หุ้นเปิดเมือง, หุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น คาดว่าจะสามารถ Outperform ตลาดในช่วงต่อจากนี้ได้
ส่วนวันนี้คาด SET Index ยังคงพักตัวในกรอบ 1570 – 1590 จุด กลยุทธ์แนะนำหุ้น พื้นฐานดีราคาย่อตัวลงมาจน Upside เปิดกว้าง อย่าง TPIPL, และหุ้นเปิดเมือง อย่าง BEM CRC เป็น Top pick ในวันนี้
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities