รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

การทดลองของเฟดจบลงแล้ว และกำลังจะเริ่มการทดลองครั้งใหม่

เผยแพร่ 17/06/2565 16:05
อัพเดท 22/02/2567 21:00

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ได้ปรับขึ้นอัตราอัตราดอกเบี้ย 75 จุดเบสิส ซึ่งเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในการประชุมครั้งเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 ทั้งๆ ที่เมื่อสองวันก่อน ตลาดยังเชื่อว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 50 จุดเบสิสอยู่เลย

สิ่งที่ทำให้ตลาดลงทุนเปลี่ยนความเชื่อคือบทความใน Wall Street Journal ที่วิเคราะห์เอาไว้เป็นอย่างดีจนทำให้คนในวอลล์สตรีทเปลี่ยนความคิดกลายเป็น 75 จุดเบสิสในทันที ต้องยอมรับว่านี่ถือเป็นปรากฎการณ์อันน่าทึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน แม้จะทราบมานานแล้ว WSJ เป็นเหมือน "กระบอกเสียงของเฟด" ที่พวกเขาใช้ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยเห็นครั้งไหนที่ตลาดลงทุนจะพร้อมใจกับปรับการวิเคราะห์ด้วยความเชื่อมั่นเสมือน 100% ในชั่วข้ามคืนจากเพียงแค่บทความเดียว

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและแถลงการณ์เมื่อวันพุธถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% หมายความอีกอย่างหนึ่งได้ว่าธนาคารกลางยอมรับในที่สุดว่าอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและมีแนวโน้มว่าจะทรงตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ (คำพูดอย่างเช่น "คณะกรรมการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับคืนสู่ระดับเป้าหมายเดิมที่ 2 เปอร์เซ็นต์ หรือตลาดแรงงานจะยังคงแข็งแกร่ง" หายไปแล้ว) ดังนั้นเราจึงสามารถประเมินได้คร่าวๆ ว่าอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะต้องสูงขึ้น แม้ว่าเฟดจไม่พูดออกมาตรงๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำไข่เจียวนี้ได้ โดยไม่ทำลายไข่แดง

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงปฏิเสธที่กับข้อเท็จจริงที่ว่านี่เป็นข้อผิดพลาดของนโยบายการเงินทั้งหมด เป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับฉันเสมอที่เมื่อผู้กำหนดนโยบายทำผิดพลาดครั้งใหญ่ พวกเขามักจะคิดว่าไม่มีใครเห็นความผิดพลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น ในอดีต Greenspan เคยทำให้ตลาดเทคโนโลยีต้อง และในยุคของเบอร์นันเก้ก็เลยทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยต้องซบเซามาแล้่ว

แต่ครั้งนี้เป็นมากกว่าความผิดพลาด นี่เป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายโดยเจตนา ตามแนวคิดทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ที่ว่าหากเศรษฐกิจไม่ได้รับการจ้างงานเต็มที่ รัฐบาลสามารถใช้เงินจำนวนเท่าใดก็ได้และธนาคารกลางก็สามารถพิมพ์ได้ และจะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นเรื่องที่ที่เย้ายวนสำหรับรัฐบาลและภาครัฐแต่งี่เง่าสำหรับภาคประชาชนอย่างสิ้นเชิง 

สองปีที่ผ่านมาเป็นเพียงการทดลองตามทฤษฎีนั้น การใช้จ่ายจำนวนมากของรัฐบาลซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากการขายพันธบัตรที่เฟดซื้อทันทีนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ (MMT) ในเดือนมกราคม 2021 ผู้คนจำนวนมากเห็นความจริงของแผนเช่นนั้นที่ซ่อนอยู่ รวมทั้งผมด้วย แสดงความเห็นทันทีหลังจากที่เช็คหลอกครั้งแรกหมดไป ผมจำได้ว่าเคยเขียนว่า:

“ดังนั้น ผมจึงเชื่อว่าเมื่อสิ่งต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น และอาจมากกว่าที่เราจะจะนตนาการได้

ช่วงเวลานี้คือการทดลอง! ทฤษฎีการเงินสมัยใหม่ระบุว่าคุณสามารถพิมพ์สิ่งที่คุณต้องการได้โดยไม่มีผลใดๆ ภายใต้ข้อจำกัดที่ไม่ผูกมัด คนสุดท้ายที่เสนอความมั่งคั่งให้ฉันโดยไม่มีความเสี่ยงคือเจ้าชายชาวไนจีเรีย และฉันก็ไม่เชื่อเขาเช่นกัน ฉันจะบอกว่าถ้า (MMT) ใช้งานได้ แสดงว่าเราทำนโยบายการเงินที่ผิดพลาดมาหลายร้อยปีแล้ว (แต่แล้วเราก็หลอกคนมารักษามาหลายร้อยปีแล้วเช่นกัน) และคำอธิบายทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดของเรานั้นผิด และใครบางคน จะต้องอธิบายว่าทำไมในอดีตระดับราคามักจะเป็นไปตามปริมาณเงินที่ปรับตาม ตัวเลข GDP”

และผมก็เคยพูดแบบนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2020 และในเดือนมีนาคม 2020 แน่นอนว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่คิดแบบนี้ มีมที่ “MMT” ย่อมาจาก “Magic Money Tree” นั้นยังคงเป็นความจริง

ดังนั้นไม่มีทางเลยที่เฟดจะไม่รู้ว่าอนาคตถ้าหากเพิ่มเงินเข้าไปในระบบแล้ว เหตุการณ์มันจะออกมาเป็นเช่นไร การคาดการณ์ล่วงหน้าคือพฤติกรรมนี้จะกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อที่สูงมาก และพวกที่เชื่อใน  MMT ก็จะพูดว่า "ชู่วว์" พวกเขาคิดผิด และการทดลองนั้นจบลงแล้ว คนต่อไปที่พูดถึง MMT ในเชิงลบ หรือตั้งข้อสงสัยก็จะถูกขับออกจากลัทธิ

แต่ข่าวร้ายในตอนนี้คือ เรากำลังจะถูกเริ่มการทดสอบใหม่ ซึ่งแตกต่างจากการทดสอบครั้งล่าสุด เป็นครั้งแรกที่เรากำลังจะได้เห็นเฟดพยายามควบคุมเงินเฟ้อสูงโดยเปลี่ยนเฉพาะราคาของเงิน โดยไม่กระทบถึงปริมาณเงินในระบบที่มีจนล้นเลย

เมื่อก่อนเฟดเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยโดยกดดันเงินสำรอง ธนาคารที่ต้องการให้กู้ยืมต่อไปต้องเสนอราคาเพื่อครอบครองสินทรัพย์สำรองเหล่านั้น อัตราดอกเบี้ยจึงสูงขึ้น อย่างที่ผมเคยเขียนเอาไว้ในหนังสือ “What’s Wrong With Money?” เมื่อหกปีที่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่วิธีการทำในวันนี้ ธนาคารอาศัยอยู่ในโลกที่การให้กู้ยืมไม่ได้ถูกจำกัดด้วยปริมาณเงินสำรอง และมีเพียงข้อจำกัดด้านเงินทุนเท่านั้น

การเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย โดยไม่กดดันเงินสำรอง เพื่อฉุดการเติบโตของปริมาณเงินในระบบ เป็นการทดลองตาม MMT เฟดมีโมเดล มีความเชื่อในแบบของพวกเขาเอง จากสิ่งที่เราเพิ่งผ่านมา คุณมีความมั่นใจเพียงใดกับผลการทดลองของเฟด

หากธนาคารมีอำนาจในการให้กู้ยืมแบบไม่จำกัด อาจหมายถึงเงินที่มากขึ้นไม่ใช่น้อย นั่นเป็นเพราะว่าธนาคารมีความยืดหยุ่นมากในการจัดหาเงินกู้ที่ให้ผลกำไร ให้สเปรดมากขึ้นหรือให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินทุน แล้วพวกเขาจะให้ยืมเงินจำนวนมหาศาล ในทางกลับกัน ผู้กู้มักจะมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า หากคุณเป็นผู้บริโภคที่มีสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค 11% และสูงถึง 12% นั่นจะทำให้ผู้กู้ยืมน้อยลงจริงหรือ แหล่งที่มาของสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นที่หนึ่งที่คุณจะเห็นการตอบสนองความต้องการที่ยืดหยุ่นในอัตราที่สูงขึ้น แต่น้อยกว่าที่คุณคิดเมื่อราคาบ้านเพิ่มขึ้น 15% ต่อปี กล่าวโดยย่อ ถ้าคุณไม่ยับยั้งธนาคารด้วยการกดดันเงินสำรอง ผมขอเดาว่าเป็นไปได้มากที่คุณจะได้รับเงินกู้มากขึ้นไม่น้อย ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

สิ่งที่ทำให้ฉันกังวลในตอนนี้คือ เรารู้ว่านี่เป็นการทดลอง อาจเป็นการทดลองที่งี่เง่า หรือเป็นเพียงข้ออ้างในการกู้ให้รัฐบาลโดยชอบธรรม โดยอ้างว่าเพื่อต่อสู้กับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจาก COVID เมื่อเราพูดถึงนโยบายอัตราดอกเบี้ย มีคนจำนวนน้อยที่คิดว่าเฟดกำลังทำอะไรใหม่ๆ ผู้คนคิดว่าเฟดมักจะดำเนินการโดยขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะเรา "รู้" ว่า "นโยบายที่เข้มงวดขึ้น" มีความหมายเหมือนกันกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 

ปัญหาคือเราไม่เคยรู้อย่าลึกซึ่งจริงๆ ถึงกระบวนการว่าพวกเขาทำงานกันอย่างไร มันอาจจะเป็นเพียงตัวเลขลอยๆ ที่ตั้งขึ้นให้สาธารณะชนเอาไปอ้างอิงได้ เมื่อเฟดกำลังคิดอัตราเงินเฟ้อระหว่าง 1% ถึง 3% กลไกที่แม่นยำนั้นไม่สำคัญ การกระทำของเฟดอาจไม่มีความหมาย หรือไม่ได้ทำอะไรที่มันต่างไปจากเดิมเลยก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งยวด มีเหตุผลบางอย่างที่ NASA ทดสอบจรวดโดยไม่มีใครอยู่บนเครื่อง ก่อนที่พวกเขาจะหาใครสักคนขึ้นไปอยู่บนนั้น แม้ว่าผู้เข้าร่วมการทดลองนี้จะไม่สมัครใจก็ตาม

สุดท้าย ผมก็หวังว่าการทดลองครั้งใหม่ของเฟดจะจบลงได้ดีกว่าช่วงสองปีก่อน 

ความคิดเห็นล่าสุด

elonยังเคยพูดว่า เมกานั่นล่ะที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อเพราะพิมธนบัตร..เฟดไม่เคยยอมรับความผิด..ซ้ำร้ายยังทำลายระบบหุ้นและคริปโต..โควืดยังไม่หาย..สร้างสงครามต่อทันที..!!!..
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย