นับตั้งแต่การเปิดตัวในเดือนพฤษภาคมปี 2019 หรือในช่วงที่ยังมีโรคระบาดโควิด บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งนาม “ดิสนีย์พลัส (Disney+)” ของอาณาจักรสวนสนุกอย่างดิสนัย์ (NYSE:DIS) สามารถทำผลงานได้เป็นอย่างดี ในช่วงต้นปี 2022 ยอดสมาชิกของดิสนีย์พลัสมีมากกว่า 130 ล้านคนทั่วโลกแล้ว และดีสนีย์ก็ยังเป็นเจ้าของ Hulu และ ESPN+ อีกด้วย
การถือกำเนิดขึ้นของดิสนีย์พลัสช่วยลดอาการบาดเจ็บของบริษัท ที่ต้องเผชิญในช่วงโรคระบาด ในตอนนั้นไลน์ธุรกิจอื่น (ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก) อย่างสวนสนุกและรีสอร์ทไม่สามารถดำเนินกิจการได้ตามนโยบายของภาครัฐ แม้จะมียอดสมาชิกจากดิสนีย์พลัสเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่รายงานผลกำไรในไตรมาสที่ 2 ที่รายงานไปเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมยังชี้ให้เห็นว่าบริษัทยังไม่สามารถทำกำไรเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ไปได้
อ้างอิง: Investing.com
นับตั้งแต่หุ้นดิสนีย์ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดในรอบ 12 เดือน มีราคาปิดที่ $185.91 ในวันที่ 9 พฤศจิกายนปี 2021 หุ้นดิสนีย์ได้ปรับตัวลดลง 43.5% ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ในไตรมาสที่ 4 ที่ไม่สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้ เป้นส่วนหนึ่งที่ส่งหุ้นดิสนีย์ให้ปรับตัวลดลงมา ขาลงของหุ้นดิสนีย์ต้องมาถูกซ้ำเติมด้วยการเทขายทั่วทั้งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ราคาพลังงานที่แพงขึ้น การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการระบาดโควิดที่ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง สร้างผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดิสนีย์
อ้างอิง: E-Trade
ผลกระทบจากโควิดทำให้ดิสนีย์ถึงกับต้องยกเลิกการปันผลในเดือนพฤษภาคมปี 2020 เพื่อรักษาเงินสดเอาไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น จนถึงตอนนี้บริษัทก็ยังไม่ประกาศว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลเมื่อไหร่ ปัจจุบันหุ้น DIS มีค่า P/E ภายในระยะเวลา 12 เดือนอยู่ที่ 69.3 และมีค่า P/E ล่วงหน้าอยู่ที่ 24.8 ความท้าทายในการคำนวณหุ้นดิสนีย์คือการคาดการณ์กรอบเวลาที่เป็นไปได้สำหรับการกลับมาทำกำไรของบริษัท ในบทความนี้ เราจะมาประเมินความเป็นไปได้นี้กันผ่านมุมมองการวิเคราะห์ด้านการลงทุนสองรูปแบบ หนึ่งคือภาพรวมการวิเคราะห์หุ้นและเป้าหมายราคาจากนักวิเคราะห์วอลล์สตรีท และสองคือมุมมองภาพตลาด ที่แสดงพฤติกรรมออกมาเป็นนัย (MIO) ซึ่งเป็นโมเดลการคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่เชื่อถือได้
ในวันที่ 27 พฤศจิกายนปี 2021 ผมเคยให้คำตอบกับหุ้นดิสนีย์เอาไว้ว่าเป็นหุ้นน่าซื้อ ในเวลานั้นรายงานผลกำไรยังขึ้นอยู่กับการก้าวออกมาจากยุคโควิดเป็นหลัก ในเวลานั้นทั้งมุมมองของนักวิเคราะห์วอลล์สตรีทและ MIO ยังคงเป็นบวกทั้งคู่ แต่นับตั้งแต่บทความนั้นออกไป หุ้นดิสนีย์ก็ปรับตัวลดลง 40% ผมจึงได้มาคำนวณ MIO ของหุ้นดิสนีย์ใหม่ไปจนถึงช่วงต้นปี 2023 เทียบกับมุมมองของนักวิเคราะห์วอลล์สตรีทในตอนนี้อีกครั้ง
ภาพรวมของหุ้น DIS จากนักวิเคราะห์วอลล์สตรีท
E-Trade ได้คำนวณความเห็นของนักวิเคราะห์ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยอ้างอิงจากนักวิเคราะห์ระดับท็อป 22 คนที่ได้เขียนบทวิเคราะห์และระดับราคาเป้าหมายออกมาในช่วงสามเดือนล่าสุด ราคาเป้าหมายที่เห็นตรงกันในระยะเวลา 12 เดือนสำหรับหุ้น DIS อยู่สูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน 47.4% พวกเขายังคงมองว่าหุ้นดิสนีย์มีโอกาสปรับตัวขึ้น เหมือนอย่างเช่นปีที่แล้ว
สิ่งที่น่ากังวลหนึ่งอย่างเกี่ยวกับแนวโน้มราคาหุ้นดิสนีย์คือความเห็นเชิงบวก ที่กระจายเป็นวงกว้างในแง่ของการเป้าหมายราคาของแต่ละคน คนที่ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดมีมากกว่าของคนที่ให้ราคาต่ำสุดสองเท่า ความเห็นที่กระจัดกระจายของนักวิเคราะห์จะลดมูลค่าการคาดการณ์ที่น่าเชื่อถือลง โดยทั่วไป ผมจะลดระดับราคาเป้าหมายลงเมื่อความความต่างระหว่างความเห็นของทั้งสองกลุ่มกว้างเกิน 2 เท่า
อ้างอิง: E-Trade
ข้อมูลจากนักวิเคราะห์วอลล์สตรีทรวมกับของ Investing.com ทั้งหมด 31 คน ได้ความเห็นโดยเฉลี่ยว่ามีระดับราคาเป้าหมายภายในกรอบเวลา 12 เดือนสูงกว่าระดับราคาปัจจุบัน 55.8% ส่วนความเห้นของนักวิเคราะห์มีความแตกต่างกระจัดกระจายกันออกไปไม่ต่างจากที่ E-Trade คำนวณ 
อ้างอิง: Investing.com
เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา กรอบราคาเป้าหมายจากนักวิเคราะห์ภายในช่วงเวลา 12 เดือนมีราคาอยู่ที่ $215 สูงกว่าระดับราคาปัจจุบัน 22% แม้ว่าวันนี้จะถูกปรับตัวลดลงมาเป็น $160 แต่กลับสูงกว่าระดับราคาปัจจุบันมากถึง 57% หมายความว่าราคาร่วงลงเร็วก่าราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ เพิ่มความคาดหวังให้กับนักลงทุน ที่สำคัญ หุ้น DIS ในตอนนี้อยู่ในแดน oversold แล้ว
ภาพรวมหุ้น DIS จากเครื่องมือวิเคราะห์ MIO
Market-Implied Outlook (MIO) หรือตัวช่วยคำนวณภาพรวมหุ้นที่ผมใช้วัดมูลค่าหุ้นในระยะเวลา 7.9 เดือนจากปัจจุบันถึงวันที่ 20 มกราคมปี 2023 โดยอ้างอิงจากวันหมดอายุของสัญญาออปชันในปัจจุบัน ผมเลือกวันหมดอายุของสัญญาออปชั่นนี้เพื่อให้ผู้อ่านสามารถดูข้อมูลได้จนถึงสิ้นปี และสัญญาที่จะหมดอายุในเดือนมกราคมเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีการซื้อขายมากที่สุด
เริ่มจากการคำนวณแบบปกติที่ใช้ MIO คือความเป็นไปได้ในการมอบผลตอบแทนคืนแก่นักลงทุน โดยตั้งค่าให้ความเป็นไปได้เป็นแกนแนวตั้ง แต่การให้ผลตอบแทนเป็นแกนแนวนอน
อ้างอิง: Author’s calculations using options quotes from E-Trade
เมื่อดูจากความเป็นไปได้ที่จะได้กำไรกลับมาแบบเป็นบวกหรือเป็นลบ MIO สำหรับตอนนี้ไปจนถึงต้นปี 2023 ค่อนข้างจะมีความสมมาตร จุดสูงสุดของความน่าจะเป็นที่จะได้กำไรคือ 0% คาดการณ์ความผันผวนแบบรายปีมีคือ 35% อนึ่ง E-Trade ได้คำนวณค่าความผันผวนที่ซ่อนอยู่สำหรับตลาดออปชันในช่วงเดือนมกราคมปี 2023 เอาไว้ที่ 34% ตัวเลขคาดการณ์ความผันผวนที่คำนวณได้ในเดือนกันยายนคือ 28%
เพื่อให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบความน่าจะเป็นของผลตอบแทนที่เป็นบวกและลบได้ง่ายขึ้น ผมจึงได้หมุนแกนแนวตั้งของ MIO กลับเป็นด้านลบ (กราฟด้านล่าง)
อ้างอิง: Author’s calculations using options quotes from E-Trade
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าความน่าจะเป็นของผลตอบแทนเป็นบวกนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่สูงกว่าความน่าจะเป็นที่จะได้กำไรเป็นลบเพียงเล็กน้อย (เส้นสีน้ำเงินทึบอยู่เหนือเส้นประสีแดงเกือบตลอดในรูปด้านบน) MIO ชี้ให้เห็นว่ากำไรที่เป็นบวกมีความเป็นไปได้มากกว่ากำไรที่เป็นลบเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม แม่ MIO จะวิเคราะห์ออกมาเช่นนี้ แต่ในมุมมองของนักลงทุน ผมเชื่อว่าพวกเขาจะยังไม่มองหุ้นดิสนีย์ในเชิงบวก ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเป็นขาลง นักลงทุนยังคงอยู่ในช่วงต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง แม้ว่าการคำนวณจะได้ผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ แต่ช่วงเวลาที่หุ้นดิสนีย์จะปรับตัวกลับขึ้นมาจริงๆ ยังคงต้องเฝ้าดูกันต่อไป
โดยสรุปแล้ว
การวิเคราะห์ DIS มีความท้าทายที่ไม่เหมือนใครเนื่องจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลโดยตรงต่อไลน์ธุรกิจของบริษัท แม้จะแนวทางการฟื้นตัว แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนมากมายเป็นปัจจัยกดดัน ธุรกิจสื่อสตรีมมิ่งของดิสนีย์เติบโตขึ้น แต่รายได้จากสวนสนุก ธุรกิจล่องเรือหรู และโรงละครยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัว หารายได้มาชดเชยกับการขาดทุนตลอดสองปีที่ผ่านมา
แต่ตัวเลขก็ยังคงไม่เคยโกหกใคร จากการคำนวณ อันดับคะแนนของนักวิเคราะห์ของวอลล์ตรีทยังคงเป็นขาขึ้น โดยมีเป้าหมายราคา 12 เดือนสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบันประมาณ 50% แต่ความเห็นของนักวิเคราะห์ที่ค่อนข้างกระจัดกระจายทำให้ส่วนตัวแล้วผมได้ปรับลดราคาเป้าหมายลงบ้าง
สำหรับค่าความผันผวนที่คาดการณ์ไว้นั้นมีตัวเลขอยู่ที่ 35% ผลตอบแทนจากการคำนวณนี้ครึ่งหนึ่ง (เช่น 25%) ก็ยังคงมีความน่าสนใจอยู่พอสมควร MIO สรุปว่าหุ้น DIS นั้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย เมื่อนำข้อมูลทุกอย่างมาคำนวณรวมกันแล้ว ผมจึงให้หุ้น DIS อยู่ในระดับ “ซื้อ” อยู่เช่นเคย