สงครามมีโอกาสจบเร็ว หนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

Investment Ideas:

ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,660 จุด เราคาดว่า SET จะ ผันผวนในกรอบ Sideway up ตอบรับเชิงบวกต่อถ้อยแถลงของผู้แทนเจรจาฝังรัสเซียที่เป็นบวก ก่อน การเจรจาสันติภาพรอบ 3 ระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและยูเครน เพิ่มความคาดหวังต่อการที่ภาวะ สงครามจะจบเร็วกว่าที่คาด รวมไปถึงความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ลดลง อย่างไรก็ตามการฟื้นตัว ของ SET ยังมีปัจจัยกดดันจากแรงขายหุ้นในกลุ่ม Commodity โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานต้นน้ําที่รับ ผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ํามันดิบลดลง ประเด็นการเจรจาที่เป็นบวก หนุนกลยุทธ์การลงทุนที่เราเริ่ม กลับมาให้น้ําหนัก หุ้นที่มีความน่าสนใจในเชิงของ Valuation หลังตลาดหุ้นปรับลดลงแรงในช่วงต้น สัปดาห์ เราเลือกหุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ KBANK (BK:KBANK) SCB BBL LH OH ORI MINT SHR และ AOT (BK:AOT) รวมไปถึงต้นในกลุ่ม Anti-oil ที่ได้ประโยชน์จาก ราคาน้ํามันดิบปรับตัวลดลง ได้แก่ AAV BA CK TASCO EPG GPSC PTG BGRIM GULF CBG และ OsP รวมไปถึงหุ้นในกลุ่ม Defensive ที่ส่วนมากจะเป็น Domestic Play ได้แก่ BH BDMS_INTUCH ADVANC BEM HMPRO CPALL (BK:CPALL) และ MAKRO อย่างไรก็ตามแม้จะมีสัญญาณเชิงบวกระยะสั้น แต่เรา ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นประเด็นกําหนดทิศทางตลาดหุ้น และตลาด Commodity Trading Ideas: การเจรจาสันติภาพรอบ 3 เป็นบวก ลดแรงกดดันต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เลือก KBANK BBL AOT MINT BGRIM CBG และ TASCO เป็นหุ้นเด่น - การเจรจาสันติภาพรอบ 3 ระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศยูเครน วันนี้ (10 มี.ค.) เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง มีสัญญาณเชิงบวกและความคืบหน้าก่อนการเจรจา โดยคําแถลังจากโฆษก กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุ ไม่มีความประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูเครน ไม่ได้ต้องการยึดครอง ยูเครน ไม่ต้องการทําลายความเป็นรัฐของยูเครน ไม่ต้องการครัฐบาลยูเครน และไม่มีเป้าหมายโจมตี พลเรือน ขณะที่ท่าทีของยูเครน มีแนวโน้มที่จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกัน แอตแลนติกเหนือ (NATO) ซึ่งถือเป็นการตอบรับหนึ่งในเงื่อนไขของรัสเซียที่เรียกร้องต่อยูเครน เรามองเป็น บวกต่อ (1) หุ้นในกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า ได้แก่ BGRIM GPSC GULF และ BPP (2) หุ้นในกลุ่มธนาคาร ได้แก่ KBANK SCB BBL และ ITB (3) หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งธุรกิจการบิน ได้แก่ AOT AAV BA (4) หุ้นใน กลุ่มโรงแรม MINT CENTEL ERW และ SHR (5) หุ้นในกลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ CBG และ OSP และ (6) หุ้นใน กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ TASCO SCC และ DCC ,

ราคาน้ํามันดิบปรับลด หลังสถานการณ์คลี่คลายระยะสั้นเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม oil play - ราคาน้ํามันดิบปรับ ลดลง จากการคาดหมายที่เป็นบวกต่อการเจรจาสันติภาพรอบ 3 วันนี้ (10 มี.ค.) ทําให้เกิดแรงขายทํากําไร หลังมีแรงซื้อหนุนราคาน้ํามันดิบในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจัยลบด้านอุปทานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นใน ระยะใกล้จาก

(1) สํานักงานพลังงานสากล (IEA) ประกาศความพร้อมที่จะระบายน้ํามันมากขึ้น หากมีความ จําเป็น รวมไปถึงท่าทีของซาอุฯ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีแผนเพิ่มกําลังผลิตเพื่อลดผลกระทบจากราคา น้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม และ

(2) การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตุกกําลังใกล้ที่จะได้ ข้อสรุปในทางบวก โดยอิหร่านและสํานักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) สามารถบรรลุข้อตกลงในการร่าง โร้ดแมปเพื่อแก้ไขปัญหา ขณะที่ล่าสุดคณะผู้แทนเจรจาของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการพูดคุยกับทางรัฐบาลเพื่อ ขอการตัดสินใจอย่างเป็นทางการในการทําข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งจะนําไปสู่การยกเลิกมาตรการ คว่ําบาตรอิหร่าน และการกลับมาส่งออกน้ํามันอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ํามันอิหร่าน ระบุความพร้อมในการผลิตน้ํามันเต็มศักยภาพ (3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน) สามารถทําได้ภายใน 2 เดือน หาก สามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับชาติตะวันตก ซึ่งจะทําให้อิหร่านส่งออกน้ํามันดิบเพิ่มได้อีก 1.4 ล้าน บาร์เรลต่อวัน ประเด็นดังกล่าวเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ํา โดยเฉพาะ PTTEP และ BANPU ที่ราคา หุ้นในปี 2565YTD ปรับเพิ่มกว่า 24% และ 10% ตามลําดับ

รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - สํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา (ค้าดลดลง 790,000 บาร์เรล) สวนทางกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.8 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ EIA ยังรายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบ สัญญาน้ํามันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 600,000 บาร์เรล ด้านปริมาณสํารองน้ํามันเบนซินลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล) และปริมาณสํารองน้ํามันกลัน (ฮีตติงออยล์และน้ํามันดีเซล) ลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล) / สํานักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนรายงาน ดัชนีราคา ผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าหน้าโรงงาน เดือน ก.พ. 65 ขยายตัว 8.8%YoY (คาดขยายตัว 8.7%YoY) ขยายตัวในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 65 ที่ขยายตัว 9.1% ขยายตัวต่ําสุด เป็นผลมา จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และโรคโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาด ในจีนขณะนี้ ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เดือน ก.พ. 65 เพิ่มขึ้น 0.9%YoY ตามคาด มุมมองทางเทคนิค - หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก AOT BGRIM และ KBANK

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities