Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (21-25 ก.พ. 2565) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,695-1,725 จุด SET สัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดที่ 1,713.2 จุด เพิ่มขึ้น 14 จุด (+0.82%) มูลค่าการซื้อขาย เฉลี่ยต่อวัน 93,801 ล้านบาท ลดลง 7%Wow โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาต่างชาติกลับมาสถานะขายสุทธิครั้ง แรก หลังซื้อสุทธิต่อเนื่องในเดือน ก.พ. 65 รวม 5.48 หมื่นล้านบาท และทําให้ยอดสะสมในปี 2565YTD อยู่ที่ 6.9 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามเราคาดว่า SET จะยังมี Momentum ที่เป็นบวกต่อ Fund Flow ที่จะไหลเข้าต่อเนื่อง ค่าเงินบาทที่แข็งค่า โดยเราคาดว่าค่าเงินบาทมีโอกาสปรับแข็งค่าแตะระดับ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยยังคงต้องติดตามสถานการณ์ยูเครนอย่างใกล้ชิด ประเด็นที่น่าติดตามสัปดาห์ นี้ 21 ก.พ. สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานตัวเลข GDP ในช่วง 4Q64 และความเห็นต่อแนวโน้ม GDP ไทย Market Consensus คาด GDP ในช่วง 4Q64 ขยายตัว 0.8%YoY ทําให้ทั้งปี 2564 ขยายตัว 1.2%YoY และ 25 ก.พ. ติดตามการรายงาน PCE และ Core PCE Price Index สหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนีเงินเฟ้อที่ Fed ให้น้ําหนักในการกําหนดทิศทางการดําเนิน นโยบายการเงิน รวมไปถึงประเด็นต่างประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPB เดือน ก.พ. ของ จีน (21 ก.พ.) รายงานตัวเลข PMI เดือน ก.พ. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน (21 ก.พ.) และอัตราเงินเฟ้อ เดือน ม.ค. ของยูโรโซน (23 ก.พ.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทําการในวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. เนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ Trading Ideas: แนวโน้มราคาน้ํามันดิบที่เริ่มปรับลดลง ทําให้กลุ่ม Anti-oil น่าสนใจ เราเลือก GPSC BGRIM PTG MAKRQ และ CPALL (BK:CPALL) - แนวโน้มราคาน้ํามันดิบเริ่มกลับมามีแรงกดดันด้านอุปทาน โดยตลาด น้ํามันดิบกลับมาให้น้ําหนักต่อความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ํามันดิบได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วง 2H65 และเพิ่มอีก 1.0-1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วง 2566 หลังมีความคืบหน้าใน การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ขณะที่ EIA เปิดเผยในรายงานล่าสุด (ก.พ. 2565) ระบุว่า ภาวะ Excess Demand จะแคบลงจากปี 2564 ที่มี Demand ส่วนเกินกว่า 1.4-1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะลดลงเหลือ 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วง 1Q65 และกลับเป็น Over Supply ตั้งแต่ 2Q65 จนถึงปลายปี 2565 ในระดับ 1.0-1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มกําลังผลิตของกลุ่ม OPEC+ เดือนละ 4 แสน ล้านูบาร์เรลต่อวัน ต่อเนื่องถึง เม.ย. 65 ขณะที่ปลาย 1Q65 จะเริ่มเข้าสู่ช่วง Low season ของความต้องการ ใช้น้ํามันดิบ ระยะสั้นสถานการณ์ในยูเครนจะยังทําให้ราคาน้ํามันดิบผันผวน แต่เรามองเป็นเพียง Noise ที่จะ กระทบราคาน้ํามันดิบ ยังให้น้ําหนักน้อยมากต่อการที่สถานการณ์ดังกล่าวจะลุกลามไปสู่ภาวะสงคราม ประเด็นดังกล่าวจะทําให้หุ้นในกลุ่ม Anti-oil น่าสนใจ โดยเฉพาะ กลุ่มโรงไฟฟ้า ผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีสัดส่วน รายได้จาก SPP สูง จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับลดลง ขณะที่แนวโน้ม FT กําลังจะปรับเพิ่มเพื่อสะท้อนต้นทุน เชื้อเพลิงที่ปรับเพิ่มในช่วงที่ผ่านมา เราเลือก GULF BGRIM และ GPSC นอกจากนี้ยังมี กลุ่มธุรกิจสายการ บิน เราเลือก BA และ AAV กลุ่มวัสดุก่อสร้าง เราเลือก TASCO TOA และ EPG กลุ่ม Oil Station จากแรง กดดันต่อ Marketing Margip ที่ลดลง เราเลือก PTG OR และ SUSCO และกลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคที่ได้ ประโยชน์ทางอ้อมจากกําลังซื้อที่เพิ่มขึ้น เราเลือก OSP CBG MAKRO และ CPALL
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Company Update: TOP GPSC BCPG PTTGC และ STA Company Update: STA (เก็งกําไร, ราคาเป้าหมาย 31 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 ยังอ่อนตัว ต่อเนื่อง - แนวโน้มธุรกิจยางธรรมชาติเติบโตทั้งปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย แต่ราคาขายเฉลี่ยถุงมือยาง 1Q65 จะลดลง 21%QoQ กําไรสุทธิ 4Q64 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากอัตรากําไรขั้นต้นที่ปรับลดลงอย่าง มีนัยยะ เราปรับกําไรสุทธิปี 2565 ลง 38% จากเดิม แนะนําเพียง “เก็งกําไร” ราคาเป้าหมายใหม่ 31 บาท Company Update: GPSC (ชื่อ, ราคาเป้าหมาย 94 บาท) ยังน่าสนใจจาก Growth และ Valuation - กลยุทธ์ในการดําเนินธุรกิจ 4 ด้าน เน้นเพิ่มประสิทธิให้กับสินทรัพย์หลัก ขยายการลงทุนใน Green Energy เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ในระยะยาว ระยะยาวยังมีการเติบโตของกําลังผลิตต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากโครงการใน อินเดีย แนวโน้ม 1Q65 ฟื้นตัวในกรอบจํากัด จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีการปรับค่า Ft เพิ่มแล้วก็ ตาม ทั้งปี 2565 คาดยังเติบโตได้ 14.3%YoY แนะนํา “ซื้อ” ยังมองเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาว Company Update: BCPG (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 18 บาท) เราชอบแผนการเติบโตในระยะยาว - ปรับพอร์ต สินทรัพย์ ขาย geothermal ในอินโดฯ พร้อมลงนาม MOU ในลาว เพื่อขยายการลงทุน คาดรับรู้กําไรจาก ขาย geothermal ประมาณ 1.6 พันล้านบาท แนวโน้มกําไร 1H65 กลับมาเป็นขาขึ้น จากกําลังผลิตที่เพิ่มขึ้น แผนการลงทุนระยะยาว 5 ปี วงเงิน 9.5 หมื่นล้านบาท วางเป้าหมายเพิ่มกําลังผลิตเป็น 4,250 เมกะวัตต์ ภายในปี 2569 ประกาศจ่ายปันผล 2H64 ในอัตรา 0.17 บาท ขึ้น XD 3 มี.ค. และจ่าย 22 เม.ย. ราคา เป้าหมายและผลประกอบการ ยังมี Upside จากโครงการในไต้หวัน แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวนกรอบ 1,705-1,725 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัยทาง เทคนิค เราเลือก BEM PTG และ AOT (BK:AOT)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities