ราคาสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลดูเหมือนจะถึงจุดต่ำสุดหลังจากการปรับฐานขึ้นอย่างน่าทึ่งที่ทำให้บิทคอยน์และอีเธอเรียม สกุลเงินทั้งสองเคยลงจากจุดสูงสุดตลาดกาลในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ไปสร้างจุดต่ำสุด ที่มูลค่าของตลาดหายไปมากกว่าครึงหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของราคามากมายขนาดนี้ไม่ได้เป็นสิ่งใหม่สำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัล
อันที่จริงสกุลเงินดิจิทัลให้ความหมายใหม่กับแนวคิดเรื่องความผันผวนของราคา ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มีความผันผวนสูงเท่าที่โลกนี้จะมี แต่ความผันผวนที่สกุลเงินดิจิทัลมีทำให้นักลงทุนยุคใหม่เข้าใจว่าความผันผวนระดับ 20-30% กลายเป็นเรื่องปกติที่ยอมรับได้ไปเสียแล้ว
ความสำเร็จของคาสิโนขึ้นอยู่กับการทำกำไรจากการแสวงหาแจ็คพอตของนักพนัน ลอตเตอรี่ของรัฐก็ทำเช่นเดียวกัน โดยโฆษณา “คุณต้องการเพียงหนึ่งดอลลาร์และความฝัน” แรงกระตุ้นต่อมความโลภ ที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ปรากฎในตลาดสกุลเงินดิจิทัลอย่างชัดเจน
ตำนานของการเริ่มต้นลงทุนในบิทคอยน์ห้าเซ็นต์ จนเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียง 11 ปี การลงทุน 1 ดอลลาร์ในบิทคอยน์ที่ 5 เซนต์ต่อโทเค็นในปี 2010 มีมูลค่าเกือบ 1.4 ล้านดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2021 ในช่วงที่บิทคอยน์สามารถแตะจุดสูงสุดตลอดกาล ยังคงเป็นตำนานที่ดึงดูดนักลงทุนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดแห่งนี้มาตลอดเรื่อยๆ
เมื่อคริปโตปรับฐานลดลงจากจุดสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ปริมาณการเก็งกำไรในตลาดแห่งนี้บางส่วนก็หายไป จนถึงปลายเดือนมกราคม ดูเหมือนว่าแรงเก็งกำไรเหล่านั้นจะกลับมาพร้อมกับการสร้างขาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ นักลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลชื่อดังและคริปโตฯ เหรียญอื่นๆ ที่มากกว่า 17,400 เหรียญกลับมาสู่โหมดขาขึ้นอย่างเต็มตัวและจริงจัง
คริปโตฯ กลับมาแล้ว!!
ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ขาขึ้นของสกุลเงินบิทคอยน์และอีเธอเรียมหยุดกะทันหัน ทำให้สกุลเงินดิจิทัลทั้งสองสูญเสียมูลค่ามากกว่าครึ่ง แต่หลังจากแตะจุดต่ำสุดในเดือนมกราคมแล้ว ทั้งบิทคอยน์และอีเธอเรียมก็สามารถฟื้นตัวกลับมา เหนือระดับเหนือจุดต่ำสุดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ที่มา: CQG
กราฟรูปนี้แสดงให้เห็นการกลับตัวของตลาดหมีในวันที่ 10 พฤศจิกายน ซึ่งนำบิทคอยน์ฟิวเจอร์สลงจากจุดสูงสุดที่ $70,330 มาสู่จุดต่ำสุดที่ $32,945 การปรับตัวลดลงครั้งนี้คิดเป็น 53.2% ก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาวิ่งอยู่ที่ระดับ $44,000 ในขณะที่เขียนบทความนี้เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์
ราคาซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สมีกรอบราคาซื้อขายอยู่ระหว่าง $41,420 - $45,905 และยังคงสร้างจุดสูงสุดสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการฟื้นตัวที่ค่อยๆ ดำเนินไป ระดับแนวต้านที่น่าจับตามองสำหรับบิทคอยน์จะอยู่ที่ $51,640 ซึ่งเป็นระดับ 50% ของการเคลื่อนไหวจากจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน ลงไปจุดต่ำสุดในเดือนมกราคม
ที่มา: CQG
ในขณะเดียวกัน กราฟสัญญาซื้อขายอีเธอเรียมฟิวเจอร์ส ที่ลดลงมาจาก $4,945.75 ลงมาเหลือ $2,164.50 ในช่วงปลายเดือนมกราคม ระยะทางทั้งหมดคิดเป็น 56.2% ที่ระดับราคา $3,000 ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ยังถือว่าราคาอีเธอเรียมวิ่งอยู่ต่ำกว่า 50% ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์จนถึงปัจจุบัน กรอบการวิ่งของอีเธอเรียมฟิวเจอร์สวิ่งอยู่ระหว่าง $2,831.50 ถึง $3,292 ต่อหนึ่งโทเค็น
หากการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตเป็นแนวทางให้กับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 17,560 สกุลเงินในปัจจุบัน อาจจะใกล้ถึงเวลาแล้วที่ตลาดสกุลเงินดิจิทัลจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ตลาดแห่งนี้ก็ไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์ ที่ทุกคนจะเข้ามาเดินเล่นได้อย่างสบายใจ นักลงทุนคนไหนก็ตามที่กำลังเล็งจะเข้าสู่ตลาดเพราะขาขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ มีความเสี่ยง 4 ประการที่คุณควรทราบเอาไว้
ความเสี่ยงที่ 1: ถูกรัฐบาลแบน
ประเด็นทางภูมิรัฐศาสตร์สร้างความปั่นป่วนและผันผวนอย่างมาก สหรัฐฯ และยุโรปกำลังพิจารณาสถานการณ์ในยูเครนและยุโรปตะวันออกอย่างใกล้ชิด ในขณะที่โลกตะวันตกกำลังอ้าแขนรับยูเครน แต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับออกมาบอกว่ายูเครนไม่เคยเป็นสมาชิก NATO พร้อมกับส่งทหาร 130,000 นายให้ประจำการอยู่ที่ชายแดนของยูเครน ก่อให้เกิดความเป็นไปได้ที่อาจนำไปสู่การบุกรุกหรือสงครามในยุโรป
จีนและรัสเซียตกลงที่จะเพิ่มความร่วมมือ แน่นอนว่าจีนต้องสนับสนุนรัสเซียในประเด็นของความตึงเครียดยูเครนครั้งนี้ จีนให้คำมั่นที่จะช่วยรัสเซียหากเกิดการคว่ำบาตรจากตะวันตก ที่พยายามจะทำลายเศรษฐกิจรัสเซีย อิหร่านและเกาหลีเหนือยังคงชัดเจนในแนวทางของตัวเอง และนำเสนอภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง และอันตรายด้วยความสามารถในการผลิตนิวเคลียร์ที่เพิ่มขึ้น
ถึงจะขัดแย้งกันมากเพียงใด แต่สิ่งที่รัฐบาลทั่วโลกเห็นตรงกันคือความพยายามสกัดกั้นการเติบโตของวงการสกุลเงินดิจิทัล ถือเป็นภาพที่เราเห็นจนชินตาแล้วที่รัฐบาลพยายามขัดขวางประชาชนของตนในการทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามกับสกุลเงินดิจิทัล แม้ว่าการแบนใดๆ ไม่อาจหยุดการสร้างอนาคตของวงการนี้ได้ ตราบใดที่โลกไม่หยุดพึ่งพาอินเตอร์เน็ต แต่การปราบปรามดังกล่าวจะทำให้การเติบโตของสกุลเงินดิจิมัลช้าลง
ความเสี่ยงที่ 2: กฎหมาย
ก.ล.ต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบการเงินกำลังพยายามจัดการกับวงการสกุลเงินดิจิทัลด้วยกฎระเบียบใหม่ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรปก็กำลังพูดถึงกลุ่มสินทรัพย์ ในขณะที่พวกเขาอ้างว่าเป็น "การปกป้องประชาชน" แต่ความตั้งใจที่แท้จริง ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคือการควบคุมปริมาณเงิน
ธนาคารกลางและรัฐบาลต้องการควบคุมกระเป๋าเงินของเราทุกคน เพื่อให้พวกเขาสามารถจัดการกับระบบเศรษฐกิจ ตามที่เห้นควรโดยที่ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบใดๆ ที่อาจจะตามมาทีหลัง อุดมการณ์ที่สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลนั้นตรงกันข้ามกับการควบคุมของรัฐบาล เนื่องจากค่านิยมที่ขึ้นอยู่กับการซื้อและขายในตลาดที่โปร่งใสเท่านั้น คือการคืนอำนาจให้กับปัจเจกบุคคล
นอกจากนี้ สถาบันการธนาคารและการเงินแบบโลกยุคเก่ามองว่าคริปโตฯ เป็นภัยคุกคามต่อผลกำไร ยิ่งมีคนใช้คริปโตฯ เป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยนมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งไม่ต้องพึ่งพาธนาคารและบริษัททางการเงินแบบเดิมๆ มากเท่านั้น
ในปีหน้ากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลจะมีความเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ซึ่งอาจขัดขวางการเติบโตของเงินในเชิงเสรีนิยม คริปโตฯ คุกคามการควบคุมของรัฐบาล ธุรกิจการเงินและการธนาคารแบบดั้งเดิม เรื่องต่อไปที่รัฐจะยกขึ้นมาเป็นประเด็นเกี่ยวกับการจัดการคริปโตฯ คือการควบคุมปริมาณเงิน นโยบายการเงินและการคลังที่สนับสนุนวาระทางการเมือง
ความเสี่ยงที่ 3: การเก็บภาษี
ภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกสกุลเงินดิจิทัล กรมสรรพากรของสหรัฐอเมริกาและหน่วยงานด้านภาษีทั่วโลกกำลังพัฒนานโยบายเพื่อจัดการกับสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัล ที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ
นโยบายการจัดเก็บภาษีสามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยหรือขัดขวางตลาด นักการเมือง หน่วยงานกำกับดูแล และผู้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการธนาคาร พวกเขาเหล่านี้อาจหันไปเก็บภาษีซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการชะลอการเติบโตเป็นอย่างมาก
ความเสี่ยงที่ 4: ความผันผวนที่เป็นธรรมชาติของตลาดคริปโตฯ
ศักยภาพของผลตอบแทนทางการเงินมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เหมาะสม ความผันผวนของราคาที่มากเกินกว่าจะจินตนาการได้ กลายเป็นความฝันของนักเก็งกำไรแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดูเพ้อฝันมากแค่ไหนก็ตาม และจากฝันดีก็อาจจะกลายเป็นฝันร้ายเมื่อเลือกลงทุนในจังหวะที่ไม่สมควรลงทุน ยกตัวอย่างเช่นใครก็ตามที่ลงทุนในบิทคอยน์ อีเธอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ มาตั้งแต่เดือนตุลาคมหรือต้นเดือนพฤศจิกายน มาจนถึงตอนนี้ต้องถามว่าได้นอนอิ่มดีบ้างแล้วบ้างหรือไม้
ความผันผวนสูงทำให้เกิดความเสี่ยงสูงที่ตาม ตลอดชีวิตลงทุนสี่ทศวรรษของผม ไม่เคยเห็นตลาดลงทุนคลั่งไคล้อะไรที่เหมือนกับตลาดสกุลเงินดิจิตอล ที่ยึดครองตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วงแรกๆ ผมก็เชื่อว่าที่แห่งนี้คือแหล่งเก็งกำไร ก่อนที่จะมายอมรับและเคารพในอุดมการณ์เสรีนิยม ที่ต้องการคืนการควบคุมระบบการเงินให้กับปัจเจกบุคคลคนธรรมดาอย่างเราๆ ที่รัฐบาลพรากไปเมื่อไม่นานมานี้
บิทคอยน์ อีเธอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่ ๆ ดูเหมือนจะพบจุดต่ำสุดชั่วคราว (อย่างน้อยก็ตอนนี้) แต่นั่นก็เพียงพอที่จะเรียกนักลงทุนและนักเก็งกำไรจำนวนมากให้กลับเข้ามาสู่ตลาดด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมว่าจะได้เป็นเศรษฐีเหมือนกับนักลงทุนคนอื่นๆ ที่เคนทำได้มาแล้วก่อนหน้านี้