Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (14-18 ก.พ.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,675-1,720 จุด โดย SET สัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดที่ระดับ 1,699.20 จุด เพิ่มขึ้น 24.89 จุด (+1.49%Wow) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 1 แสนล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 52.96%WoW ภาพรวมการลงทุนยังถูกกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ การปรับขึ้นของ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ยูเครน หลังจากสหรัฐฯ เตือนว่ารัสเซียมีกําลังทหารเพียงพอที่จะบุกโจมตี ยูเครน และอาจเริ่มในไม่กี่วันข้างหน้านี้ สะท้อนจากดัชนีความผันผวน CBOE (CBOE Volatility Index: VIX) ปรับเพิ่มขึ้นสองวันติดต่อกัน และทําจุดสูงสุดในเดือน ก.พ. 65 โดยเฉพาะความเห็นจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 1% ภายในเดือน ก.ค. 65 เป็นปัจจัยกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุน กลยุทธ์การลงทุน เราเลือก KBANK (BK:KBANK) RBL และ BLA เป็นหุ้นเด่น จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่จํานวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้น เราเลือกหุ้นในกลุ่ม เครื่องมือแพทย์ TM WINMED และ SMD หุ้นในกลุ่มอุปโภคบริโภค ค้าปลีก และขนส่งในประเทศ ตามพอร์ต Core Investment ของเรา เรายังแนะนํา BEM BEC BJC CRC CPALL (BK:CPALL) CPN MAKRO และ HMPRO ติดตาม รายงานการประชุม FOMC วันที่ 17 ก.พ. Market Consensus ปรับคาดการณ์ มุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟุต Hawkish มากขึ้น เลือก KBANK BBL และ BLA เป็นหุ้นเด่น - Market Consensus ปรับเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังรายงานเงินเพื่อ สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 7.59%YoY ในเดือน ม.ค. สูงสุดนับในรอบ 40 ปี โดย (1) Goldman Sachs Group คาดเฟตจะขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบาย 7 ครั้ง ในปี 2565 ปรับขึ้นครั้งละ 0.2596 (เต็มคาด 5 ครั้ง) นั่นหมายถึงมุมมองของ Goldman Sachs เชื่อว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยทุกครั้งที่มีการประชุม FOMC ในช่วงที่เหลือของปี 2565 และจะทําให้ดอกเบี้ย นโยบายของเฟด ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 1.75% ถึง 2.00% (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.00 -0.25%) (2) Bank of America (BofA) คาดเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งไคาดการณ์เป็นรายแรก) ในปี 2565 เช่นกัน ปรับขึ้นครั้งละ 0.2596 (3) HSBC คาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน มี.ค. และปรับขึ้นอีก 4 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปี 2565 ครั้งละ 0.25% ทําให้ดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 1,50% ถึง 1,7596 และ (4) Deutsche Bank คาดเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน มี.ค. และปรับขึ้นอีก 5 ครั้ง ในช่วงที่เหลือของปี 2565 ครั้งละ 0.25% ทําให้ดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 1.75% ถึง 2.00% แนวโน้มการดําเนินนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่มีความ เข้มงวดมากขึ้น ล่าสุด BoE นอกจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 2 ครั้ง ในปี 2565 มาอยู่ที่ 0.5% ยังพร้อมปรับลดขนาด งบดุลลงทันที ที่ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นถึง 1% รวมไปถึงธนาคารกลางรัสเซีย ที่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที 16 ขึ้นมาอยู่ที่ 9.59% (ปี 2560 ธนาคารกลางรัสเซียปรับเพิ่มตอกเบี้ย 7 ครั้ง จาก 4,2596 ต้นปี 2564 มาอยู่ที่ 8.596 ปลายปี 2564) หลังรายงานเงินเฟ้อ 8.79% สูงสุดในรอบ 6 ปี เรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มประกัน ได้แก่ KBANK BBL SCBITB และ BLA
• แนะเพียงเก็งกําไรระยะสัน กลุ่ม Oil Play แต่ต้องระวังแรงขายในตลาดน้ํามัน เรายังให้น้ําหนักน้อยต่อกรณียูเครน - จะนําไปสู่ภาวะสงคราม สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ปิดที่ 93.10 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 3.22 เหรียญ (+3.6%) เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนระหว่างรัสเซียและยูเครนเพิ่มขึ้น แม้จะมีความ พยายามทางการทูตก็ตาม ราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม เราเชื่อว่าสะท้อนปัจจัยบวกด้านปัจจัยพื้นฐานไปหมดแล้ว โดยภาพรวม Demand ที่แข็งแกร่ง จากรายงานล่าสุด (ก.พ. 2565) ของกลุ่ม OPEC+ ที่ยังคงคาดการณ์การเติบโตของ ความต้องการใช้น้ํามันดิบในปี 2565 ที่ระดับ 4.2ล้านบาร์เรลต่อวัน ไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานเดือนก่อนหน้านี้ เป็น การปรับเพิ่มของกลุ่มประเทศ OECD จะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ความต้องการใช้น้ํามันดิบกลุ่ม Non-OECD จะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ปัจจุบันกําลังเข้าสู่ช่วงปลายของ Seasonal Demand รวมไปถึง กําลังผลิตของกลุ่ม OPEC+ ที่ปรับเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะเป็นปัจจัยกดูดันในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม เราให้น้ําหนักน้อยมากต่อกรณียูเครนจะดําเนินไปสู่ภาวะสงคราม เพราะฉะนั้นการปรับขึ้นของราคาน้ํามันดิบ จะเป็นเพียงปัจจัยเก็งกําไร และสร้างแรงหนุนต่อระดับราคาหุ้นกลุ่มพลังงานเพียงระยะสั้นเท่านั้น ทําให้เรามองว่าต้องระมัดระวังแรงขายทํากําไรในตลาดน้ํามันดิบ เราแนะนําเพียงเก็งกําไรระยะสั้น หุ้นในกลุ่ม Oil play • บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: APURE / Earnings Result: GPSC
Earnings Preview: APURE (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 7.45 บาท) กําไรปี 65 มีปัจจัยกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น - คาดกําไรสุทธิ 4Q64 ลดลง 649%YoY และลดลง 586QoQ จากผลกระทบของน้ําท่วมในเดือน ต.ค. 64 ทําให้ขาด แคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยคาดว่าเดือน ธ.ค. 64 ส่งมอบสินค้าได้เพียง 60-70% แนวโน้มปี 65 ยังคาดว่าจะถูก กดดันจากการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าแต่บริษัทได้พยายามจัดหาวัตถุดิบจาก Supplier รายอื่นเพิ่มขึ้น เราคาดว่าหากวัตถุดิบที่ใช้ผลิตกลับมาปกติ คําสั่งซื้อที่มีเข้ามาต่อเนื่อง การเพิ่มกําลังการผลิตที่พร้อมใช้งาน และค่าเงิน บาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง จะหนุนผลประกอบการให้กลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้ง ปรับคําแนะนําเป็น “ซื้อ” คงราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 7.45 บาท • Earnings Results: GPSC (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 94 บาท) รายงานกําไรสุทธิ 4Q64 อ่อนแอ จากปัจจัยต้นทุนเชื้อเพลิง
- รายงานกําไรสุทธิ 4Q64 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY ขณะที่ทั้งปี 2564 ลดลง 3%YoY อัตรากําไรขั้นต้นรวม 4Q64 เหลือพียง 7.96 ลดลงจาก 17.6% และ 15.2% ในช่วง 4063 และ 3Q64 ต้นทุนเชื้อเพลิง หลังราคาก๊าซฯ และถ่านหิน ปรับเพิ่ม กดดันกําไรขั้นต้นของธุรกิจ SPP รับรู้กําไรจากไซยบุรีลดลง ใน 4Q64 ตามฤดูกาล แต่ทั้งปี 64 รับเพิ่มกว่า 3 เท่า ประกาศจ่ายเงินปันผล 2H64 ในอัตรา 1,บาท ขึ้น X์ วันที่ 24 ก.พ. จ่าย 20 เม.ย. ราคาหุ้นปี 2565YTD ปรับลดลงกว่า 15% สะท้อนความกังวลต่อราคาเชื้อเพลิง และแนวโน้มกําไรระยะสั้น แต่ระยะยาวยังเป็น หุ้นที่น่าสนใจ ยังคงแนะนํา “ซื้อ” เช่นเดิม รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ผลสํารวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 61.7 จุด ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ําสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จากเดือน ม.ค. ที่ระดับ 67.2 จุด และต่ํากว่าที่ Market Consensus ประเมินไว้ที่ 67.5 จุด มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,685-1,705 จุด หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก MAKRO TTB และ BEC
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities