Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,655-1,675 จุด เราคาดว่า SET จะยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway หลังปรับขึ้นกว่า 33.58 จุด (+2.1%) ในช่วง 5 วันทําการที่ ผ่านมา โดยเราคาดว่ากรอบ SET มีโอกาสติดแนวต้านสําคัญที่ 1,670-1,675 จุด เราแนะนําเริ่มทยอยกลุ่มหุ้น Domestic และหุ้นที่อิงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ อย่างกลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยว อุปโภคบริโภค ค้าปลีก ICT และขนส่ง เป็นหลักของพอร์ตการลงทุน ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Oil play ที่เรา แนะนําเก็งกําไรในช่วงที่ผ่านมา ต้องเริ่มระมัดระวัง หลังราคาน้ํามันดิบปรับเพิ่มกว่า 16% ในปี 2565 เราประเมินว่ากรอบราคาน้ํามันดิบจะเริ่มจํากัด ติดตามการประชุม ECB และ BoE (3 ก.พ.) คาด ECB ยังคงเดินนโยบายสวนทางเฟด ขณะที่ BoE พร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.50% เพื่อลด ผลกระทบจากการภาวะเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มในอัตราเร่ง และการรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ของสหรัฐฯ (4 ก.พ.) โดย Market Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 178,000 ตําแหน่ง ในเดือน ม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงาน จะทรงตัวที่ระดับ 3.9% คาดราคาน้ํามันดิบจะเริ่มผันผวน หลังปี 2565 ปรับเพิ่มกว่า 16% - ราคาน้ํามันดิบปรับเพิ่มตอบรับเชิงบวก ต่อ มติประชุม OPEC+ เกี่ยวกับแผนการผลิตเดือน มี.ค. และรายงานปริมาณสํารองน้ํามันที่ลดลง อย่างไรก็ ตามราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่มในปี 2565YTD กว่า 16% เริ่มมี Upside ที่จํากัด จากการคาดหมายกรอบราคา น้ํามันดิบสูงสุดที่ 85-90 เหรียญต่อบาร์เรล เราเชื่อว่าราคาน้ํามันดิบจากนี้จะผันผวน เนื่องจากราคาน้ํามันดิบ ที่ระดับสูง จะเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมเศรษฐกิจ รวมไปถึงเป็นปัจจัยเร่งเงินเฟ้อ จนนําไปสู่การดําเนิน นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยราคาน้ํามันดิบล่าสุดปรับเพิ่มจาก 2 ปัจจัย ได้แก่
(1) มติ OPEC+ ที่จะเพิ่มกําลังผลิตน้ํามันเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวัน ในแผนการผลิตเดือน มี.ค. มติที่ประชุมดังกล่าวเป็นไปตามมติที่ประชุม ในเดือน ก.ค. 2564 ที่มีความตั้งใจในการเพิ่มกําลังผลิต น้ํามัน 400,000 บาร์เรลต่อวัน ในแต่ละเดือน จนถึงเดือน เม.ย. 2565 และ
(2) การรายงานปริมาณสํารอง น้ํามันดิบจาก EIA ที่ลดลง โดยสํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณ สํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ ลดลง 1 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่ Market Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ EIA ยังรายงาน ปริมาณสํารองน้ํามันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญา น้ํามันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล รวมไปถึงปริมาณสํารองน้ํามันเบนซิน เพิ่มขึ้น 2.1 ล้าน บาร์เรล (คาดเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล) และปริมาณสํารองน้ํามันกลั่น (ฮีตติ้งออยล์และน้ํามันดีเซล) ลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 1 ล้านบาร์เรล)
ความเห็นจากประธานเฟด หลายสาขาสนับสนุนการดําเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อลดการเร่งปรับขึ้น ของอัตราดอกเบี้ย โดยประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ คาดว่าอัตราว่างงานจะลดลง ต่ํากว่า 3% ในปี 2565 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในช่วงต้นทศวรรษ 1950 ทั้งนี้ อัตราว่างงานลดลง 0.7% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 3.9% และอาจปรับลดลงอีก หลังจากหลายบริษัทกําลังต้องการพนักงาน ส่งผลให้ อัตราส่วนของผู้ที่มีงานทํา หรือผู้ที่กําลังมองหางาน ลดลง นอกจากนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย มีมุมมองต่อการดําเนินนโยบายการเงินของเฟดที่เหมาะสม ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2565 หากปัจจัยกดดันยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ที่ส่งผลทําให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้น
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: CPALL (BK:CPALL) Earnings Preview: CPALL (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 70 บาท) คาดกําไรปกติ 4Q64 ฟื้นตัว QoQ - คาดกําไร ปกติ 4Q64 ลดลง YoY แต่ฟื้นตัว QoQ คาด SSSG 4Q64 เติบโต 1%YoY ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แนวโน้มผลประกอบการ 1Q65 ฟื้นตัว QoQ ต่อเนื่อง SSSG ใน ม.ค. เติบโต 10%YoY หลังกิจกรรมทาง เศรษฐกิจฟื้นตัว คาดกําไรสุทธิปี 2565 โต 93%YoY จากผลการดําเนินงานที่ฟื้นตัว แนะนํา “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 70.00 บาท
• รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 301,000 ตําแหน่ง ในเดือน ม.ค. สวนทางกับที่ Market Consensus คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 200,000 ตําแหน่ง โดยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน / สํานักงานสถิติแห่งสหภาพ ยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซน ในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้น 5.1%YoY ซึ่งเป็น ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตท เริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค. ที่ระดับ 5.0%YoY มุมมองทางเทคนิค – หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก BAM ROJNA และ BA
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities