เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ตอบโตได้ช้ามาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปียังคงวิ่งอยู่ที่ระดับต่ำสุดประมาณ 1.5% ทั้งหมดนี้หมายความว่าอะไร? 
นักวิเคราะห์เริ่มเข้าใจแล้วว่าตอนนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ และรัฐบาลไม่ได้คิดวางแผนอันเหนือชั้นอะไรในการจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อเลย พวกเขามีแต่จะใช้เงินเพิ่มเพื่อสู้กับปัญหาการเงิน แผนการที่พวกเขามีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการละลายหนี้ก้อนโตของรัฐบาลเพื่อหวังว่าจะได้จัดการปัญหาเงินเฟ้อได้ง่ายขึ้น
Rida Morwa นักวางกลยุทธ์การลงทุนได้วิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบันเปรียบเทียบย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเขาบอกว่าลักษณะการวิ่งของกราฟอัตราผลตอบแทนในตอนนั้นกับตอนนี้เหมือนกันไม่มีผิด
“เพราะไม่มีใครชอบนโยบายลดงบประมาณและดันภาษีให้สูงขึ้น เทียบกันกับเงินเฟ้อ ไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าไหร่ ก็เป็นเพียงหนึ่งในวาระหนึ่งของรัฐบาลที่ต้องจัดการแก้ไข”
หากมองในมุมนี้ ก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมธนาคารกลางสหรัฐฯ ถึงได้ดื้อรั้นเอาแต่อ้างว่าเงินเฟ้อเป็นเรื่องชั่วคราวมาตลอดทั้งปี ก่อนที่จะมาตัดสินใจทำนโยบายการเงินให้รัดกุมขึ้นเอาในเดือนสุดท้าย และประโยคนี้ยังอธิบายด้วยว่าทำไมรัฐบาลยังต้องทำเรื่องใช้งบอีกหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งๆ ที่เคยใช้ไปแล้วในช่วงที่มีการระบาดของโควิดใหม่ๆ
นักวิเคราะห์บางสำนักตีความการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฯ อยู่ในระต่ำว่าเป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวเป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็อาจจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลดลงมาเองตามธรรมชาติ แต่คำถามคือคุ้มค่าที่จะรอให้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือ?
สิ่งที่ไม่มีใครตั้งคำถามเลยคือวิธีที่รัฐบาลในแต่ละประเทศใช้ต่อสู้กับวิกฤตโรคระบาดนั้นเหมือนกับไม่เคยได้ศึกษาประวัติศาสตร์การเงินมา ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของตัวนักลงทุนเองที่จะสร้างเกราะป้องกันให้กับพอร์ตลงทุน กราฟอัตราผลตอบแทนฯ อายุ 10 ปีได้สะท้อนภาพความไม่นอน ที่สมควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง หลังจากลงไปต่ำเกือบ 0.5% ในช่วงที่มีการระบาดใหม่ๆ ก็ได้วิ่งกลับขึ้นมาอยู่ที่ 1.75% เพราะข่าวดีเรื่องวัคซีน แต่พอเงินเฟ้อมา กราฟอัตราผลตอบแทนฯ ก็แทบจะไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ 1.5% ได้อีกเลย
เมื่อนำสถานการณ์นี้ไปเปรียบเทียบวิกฤตการเงินปี 2018 ที่มีอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับ 3-4% ก็แทบจะสรุปได้เลยว่าเงินเฟ้อของปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ 6.8% สูงกว่าตัวเลขเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้นจะอยู่กับเราไปจนถึงปีหน้า หรืออาจจะนานกว่านั้น แนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะอยู่ในระดับติดลบก่อให้เกิดความกังวลเป็นอย่างมาก
การลงทุนในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้าจะมีปริมาณการซื้อขายในตลาดลดลงเรื่อยๆ ตลาดพันธบัตรจะเปิดในลงทุนในวันนี้เป็นวันสุดท้ายและปิดตลาดเร็วกว่าปกติ ส่วนวันศุกร์นี้ก็จะไม่มีการซื้อขายใดๆ เกิดขึ้นไปจนถึงปีใหม่ สถานการณ์ตลาดที่เป็นเช่นนี้จะยิ่งตอกย้ำความผันผวนจากช่วงต้นเดือนให้รุนแรงขึ้น
นี่อาจจะเป็นบทสรุปของปี 2021 ได้แล้วว่าแม้ตลาดลงทุนอื่นจะวิ่งเป็นรถไฟเหาะตีลังกา สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้สูงแค่ไหน แต่อัตราผลตอบแทนฯ ก็ยังคงเลือกที่วิ่งอยู่ในกรอบราคาแคบๆ ต่อไป ธนาคารกลางฯ ยังคงมองว่าเงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องสำคัญ แม้ว่าตลาดลงทุนจะเป้นห่วงมากแค่ไหนก็ตาม ราวกับว่าการใช้ชีวิตของพวกเขาอยู่โลกคนละใบกับคนธรรมดาอย่างเรา ในวันที่มองไปทางไหนก็มีแต่สินค้าราคาแพง ต่อให้ไม่ใช่คนที่มีความรู้ด้านการเงินโดยเฉพาะก็ต้องสามารถรู้สึกได้ แต่ทำไมพวกเขากลับเห็นว่าเงินเฟ้อเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว