Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,635 จุด ตลาดหุ้นมีแนวโน้มฟื้นตัวใน ลักษณะ Technical Rebound แต่ยังมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวแบบพักตัว เนื่องจากขาดปัจจัยบวกสนับสนุน การฟื้นตัวที่ยั่งยืน หลังสะท้อนปัจจัยลบที่เพิ่มขึ้นจาก (1) สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมครอน ทั่วโลก (2) การปรับท่าทีของเฟดในการดําเนินนโยบายการเงิน (3) การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคาร อังกฤษ เพื่อลดผลกระทบจากเงินเฟ้อ และ (4) ความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้น เกี่ยวกับการที่กระทรวงการคลังจะเก็บ ภาษีขายหุ้น ขณะที่ในประเทศวันนี้ (21 ธ.ค.) ติดตามการประชุม ครม. ซึ่งจะมีการเสนอมาตรการส่งเสริมการใช้ รถ EV รวมไปถึงติดตามการประชุม กนง. (22 ธ.ค.) เกี่ยวกับท่าทีของ ธปท. ต่อประมาณการ GDP รวมทั้ง ประมาณการอัตราเงินเฟ้อ ในปี 2565 กลยุทธ์การลงทุนหลัก เราให้น้ําหนักหุ้นในพอร์ตเพียง 50% โดยยังคงเน้น หุ้นในกลุ่ม Domestic play เป็นหลัก และหุ้นในกลุ่มที่ราคา Laggard แต่ยังมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วง 4Q64 ถึง 1Q65 เป็นปัจจัยหนุน รวมไปถึงเก็งกําไรระยะสั้น หุ้นในกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบ EV ที่ได้ประโยชน์จากการที่ภาครัฐฯ เตรียมออกมาตรการสนับสนุน ร่างกฎหมาย Build Back Better ของสหรัฐฯ มีความไม่แน่นอน หลังวุฒิสภาไม่สนับสนุน - การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ของสหรัฐฯ ในปี 2565 อาจจะต่ํากว่าประมาณการเดิม หลังแกนนําวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ไม่สนับสนุนร่าง กฎหมาย Build Back Better (ร่างกฎหมายดังกล่าวจะให้เงินช่วยเหลือในการดูแลเด็กอ่อน การประกันสุขภาพ และการลดภาษีแก่พลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ) วงเงิน 1.75 ล้านล้านเหรียญ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากความกังวลต่อการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้ให้กับสหรัฐฯ แม้จะผ่านการอนุมัติจาก สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามหากร่างกฎหมาย Build Back Better ไม่ผ่านการเห็นชอบของ วุฒิสภา จะกระทบประมาณการ GDP สหรัฐฯ ใน 1Q65 สู่ระดับ 29% (เดิม 3%) และในช่วง 2Q65 และ 3Q65 สู่ระดับ 39% และ 2.75% ตามลําดับ (เดิม 3.5% และ 36)
• บอร์ด W เตรียมเสนอมาตรการส่งเสริมการใช้รถ EV แก่ ครม. วันนี้ (21 ธ.ค.) - คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) จัดทําหลักเกณฑ์เงื่อนไข มาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (Ey) ในประเทศไทย ตามนโยบาย ของรัฐบาลแล้วเสร็จ เรามองเป็นบวกต่อหุ้นผลิตชิ้นส่วนประกอบยานยนต์ EV 100% (ชิ้นส่วนพลาสติก เบาะ ยาง โคม ไฟ และระบบปรับอากาศ) ได้แก่ EPG TKT FPI PACO AH HFT PCSGH และ TRU เบื้องต้นคาดว่า บอร์ด EV จะ เสนอมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบวันนี้ (21 ธ.ค.) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดว่า กลุ่มรถ EV ราคาต่ํากว่า 2 ล้านบาท จะมีมาตรการ (1) ลดอัตราภาษีศุลกากรเหลือ 406 (ปัจจุบันรถ EV จีน 0% ญี่ปุ่น 20% เกาหลีใต้ 40% และยุโรป 8096) (2) ลดภาษีสรรพสามิต 89% เหลือ 296 และ (3) รัฐฯ อุดหนุน 1.5 แสนบาทต่อคัน (ใช้งบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท) ตามขนาดของแบตเตอรี หากแบตเตอรีต่ํากว่า 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จะได้รับเงินอุดหนุน 70,000 บาท เป็นรถยนต์ที่มีราคาขาย 4-5 แสนบาท ขณะที่แบตเตอรี่ มากกว่า 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จะได้รับเงินอุดหนุน 1.5 แสนบาท จะเป็นกลุ่มรถอีวี ที่มีราคาคันละ 900,000 บาท ซึ่ง จะทําให้ราคารถ EV ราคา ไม่เกิน 2 ล้านบาท ได้รับส่วนลดสูงสุด 5 แสนบาท และกลุ่มรถ EV ที่ราคาสูงกว่า 2 ล้าน บาท จะมีมาตรการ
(1) ลดอัตราภาษีศุลกากรเหลือ 4096 และ
(2) ลดภาษีสรรพสามิต 89% เหลือ 29% ซึ่งจะทําให้ราคา รถ EV ราคา สูงกว่า 2 ล้านบาท (ส่วนมากเป็นรถยุโรป ที่มีราคา 5-6 ล้านบาท) จะได้รับส่วนลดสูงสุด 7-8 แสนบาท PACO (ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 3.70 บาท) ได้รับประโยชน์จากมาตรการรัฐฯ ในการสนับสนุน EW รอลุ้น ครม.
- จาก ประเด็นข่าว ภาครัฐฯ ที่เตรียมสนับสนุนด้านภาษีของรถ EV วานนี้ (20 ธ.ค.) เราได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารของบริษัท PACO เรามีมุมมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้น และมุมมองที่เป็นบวกต่อโอกาสในการเติบโตของ ผลประกอบการในระยะยาว โดยบอร์ด EV เตรียมนําเข้า ครม. วันนี้ (21 ธ.ค.) เกี่ยวกับมาตรการทางด้านภาษี รถ EV ทั้งค่ายยุโรปและญี่ปุ่น โดยมาตรการนี้จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการพัฒนารถ Ev ได้แก่ กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบ EV (จากทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ (1) ชิ้นส่วนประกอบ EN (2) สถานีชาร์ต (3) แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (4) แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ และ (5) ชิ้นส่วนประกอบ Hybird/plug-in ซึ่ง PACO จะได้รับประโยชน์โดยตรงสําหรับการขายชิ้นส่วนอะไหล่แอร์ให้กับค่ายรถยนต์ที่ต้องมาจากการผลิตใน ประเทศตามที่กฎหมายกําหนด เรายังคงแนะนํา “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 3.70 โดยเราเชื่อว่าบริษัทยังมีแนวโน้ม ที่เป็นบวกในระยะยาวจากมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Sector Update: Healthcare Sector และ Property Development Sector Sector Update: Property Development Sector: (Overweight) ช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัว เลือก ORI AP LH และ SPALI เป็นหุ้นเด่น - 5 ปัจจัยบวกของกลุ่มอสังหาฯ ได้แก่ (1) การผ่อนปรนการล็อคดาวน์ (2) การผ่อนปรนมาตรการ LTV(3) กิจกรรมการเปิดตัวโครงการใหม่ (4) Recurring Income ที่จะฟื้นตัว และ (5) การเปิดประเทศของประเทศ ต่างๆ คาดผลประกอบการของกลุ่มอสังหาฯ ฟื้นตัวใน 4Q64 เป็นต้นไป เราคาดว่าตลาดคอนโดจะฟื้นตัวในปี 65 จากกําลังซื้อที่เพิ่มขึ้น หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ภาพรวม 3Q64 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซะลอตัวจากผลกระทบของการ ระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรง จนนําไปสู่มาตรการการล็อคดาวน์ และปิดแคมป์ก่อสร้าง ให้น้ําหนัก “Overweight” เลือก ORI AP LH และ SPALI เป็น Top Picks ของกลุ่ม • มุมมองทางเทคนิค - หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก DITTO SMD และ VIBHA
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities