ทุกวันนี้โลกของเราหมุนไปเร็วมาก เช่นเดียวกันตลาดลงทุนที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนจากสนามของคนมีเงินกลายเป็นสถานที่ที่ใครก็ได้สามารถเข้ามาลงทุน นักลงทุนรายย่อยสามารถสะกดคำว่า “ลงทุน” เป็นแล้วจากการได้ลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ คริปโตฯ ตลาดอนุพันธ์อื่นๆ ก็ได้ปรับตัวเองให้ก้าวเท่าทันเทคโนโลยีมากขึ้น อันที่จริง ความแตกต่างระหว่างการลงทุนและการเดินหมากรุกก็แทบจะไม่มีอะไรต่างกัน ทุกย่างก้าวของลงทุนต้องใช้ความคิด วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของทุกสถานการณ์ เช่นเดียวกันกับหมากรุก
แกรี่ คาสปารอฟ (Garry Kasparov) ถือเป็นหนึ่งในตำนานของวงการหมากรุกโลก แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากบทบาทการเป็นนักหมากรุดแล้ว เขายังเป็นแฟนของการลงทุนในโลกคริปโตเคอเรนซี่ด้วย ตัวเขาเองก็มี NFT เป็นของตัวเองเหมือนกัน สัปดาห์นี้ Investing.com ได้รับเกียรติ์จากคุณแกรี่ในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมุมมองที่เข้ามีต่อตลาดคริปโตฯ ทำไมสกุลเงินดิจิทัลถึงกลายเป็นความสนใจล่าสุดสำหรับเขา? นอกเหนือจากนี้ เรายังจะได้ฟังมุมมองที่เขามีต่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกด้วย
ในบทความนี้ เราขอแทนผู้สัมภาษณ์หรือ Investing.com เป็น “IC” และขอแทนชื่อคุณแกรี่ คาสปารอฟเป็น “GK”
คำถามที่ 1: ทำไมแกรี่ คาสปารอฟ ถึงสนใจโลกคริปโตฯ
IC: คำถามแรกเลยนะครับ ทำไมคุณคาสปารอฟถึงได้สนใจในโลกสกุลเงินดิจิทัล ใครเป็นคนพาคุณเข้าวงการนี้ครับ?
GK: ตั้งแต่แรกเริ่ม ผมมีความสนใจในเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก...แน่นอนว่าผมเล่น Deep Blue สองครั้ง ชนะครั้งแรก แพ้ครั้งที่สอง ผมอยากจะอยู่ในระดับแนวหน้าเสมอ ผมคิดว่ามันสำคัญที่จะต้องอธิบายจริงๆ ว่าทำไมผมถึงทำสิ่งต่างๆ ซึ่งรวมถึงการทำ NFT ด้วย
ทุกๆ ครั้งที่ผมเดินหมากรุก ผมจะมีคติประจำใจของผมอยู่เสมอว่า “ทำอย่างไรหมากกระดานนี้ถึงจะแตกต่างไปจากเดิม” ผมเขียนหนังสืออยู่หลายเล่ม และหนึ่งในนั้นก็คือ Deep Thinking: Where Machine Intelligence Ends and Human Creativity Begins หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงประสบการณ์ส่วนตัวของผมกับจักรกล และก็เกี่ยวข้องกับมนุษย์และคอมพิวเตอร์ด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมสนใจคริปโตฯ และ NFT เพราะคริปโตฯ ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
ในโลกของคริปโตฯ นั้นยังมีพื้นที่อีกมากมายสำหรับผม ตั้งแต่ปี 2012 ผมเป็นประธานมูลนิธิสิทธิมนุษยชน...เรามีงานพิเศษงานหนึ่งที่มีชื่อว่า Oslo Freedom Forum นี่เป็นการรวมตัวที่ใหญ่ที่สุดของผู้ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนจากทั่วโลก จากมอสโกถึงเวเนซุเอลา จากเบลารุสถึงซิมบับเว คุณได้พบผู้คนที่น่าทึ่งที่สุดด้วยเรื่องราวที่ยอดเยี่ยม องค์กรของเรามีความกระตือรือร้นมาก… (รวมถึง) ช่วยเหลือประเทศโลกที่สามด้วยเงินทุน
ส่วนตัวแล้วผมเชื่อในอนาคตของโลกคริปโตฯ ผมเชื่อว่าคริปโตฯ คือเส้นทางที่จะพามนุษยชาติไปสู่อนาคต ชีวิตของมนุษย์ในอนาคตจะมีความยึดโยงกับเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคนที่บอกว่าบิทคอยน์มีความผันผวนสูง อันนี้ผมไม่เถียง และทุกวันนี้ก็มีเหรียญใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย ใช้ได้จริงก็มี หลอกลวงก็มาก ก็เหมือนกับธุรกิจเกิดใหม่ ที่ใครๆ ก็อยากทำ แน่นอนว่า 99.9% คือขยะ แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องลดความเสี่ยงจากความรู้ที่เรามี พวกเราทุกคนก็เคยผ่านยุคดอทคอมกันมาแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าอินเตอร์เน็ตคือผู้ร้ายสักหน่อย
คำถามที่ 2: สถานภาพของคริปโตฯ กับภูมิศาสตร์การเมือง
IC: ถือเป็นเรื่องยากที่เราจะแยกคริปโตฯ กับการเมืองออกจากกัน ในความเห็นของคุณคาสปารอฟ คุณคิดว่าคริปโตฯ มีบทบาทกับภูมิศาสตร์การเมืองอย่างไรบ้างครับ?
GK: ผมเห็นด้วยที่เราไม่สามารถดึงตัวเองออกจากความยุ่งเหยิงทางการเมืองของโลกได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกเสรี การเลือกตั้ง คำสัญญา และการอภิปราย หรือจะเกิดอะไรขึ้นในโลกที่ไร้อิสระ เช่น เผด็จการที่ตัดสินใจว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะแบนคริปโตฯ
แต่ทั้งหมดนี้ก็จะกลับไปขัดแย้งบทสัมภาษณ์ในข้อที่แล้วของผม นี่คือโลกดิจิทัล โลกยุคโลกาภิวัฒน์ ที่จะมอบโอกาสให้กับปัจเจกบุคคลมากขึ้นผ่านการกระจายอำนาจ สุดท้าย มันเป็นเรื่องของความมั่นใจส่วนบุคคล ถ้าคำว่าขอโทษ สามารถใช้ไปได้ตลอด ผมว่ามนุษยชาติคงมาถึงจุดล่มสลายแล้วละ คริปโตฯ เข้ามาทำให้เหล่าผู้ที่มีอำนาจควบคุมระบบการเงินได้รู้ว่า พวกเขามีคู่แข่งแล้ว ถ้ายังเอาแต่สร้างหนี้ไปเรื่อยๆ เงินที่พวกคุณพิมพ์ออกมามันก็เป็นแค่กระดาษ
นี่คือความจริงที่กำลังเกิดขึ้น ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า เหตุผลเดียวที่เงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินสำรองก็เพราะว่าสกุลเงินอื่นแย่กว่า นี่ไม่ใช่ปี 1944 แล้วที่ดอลลาร์สหรัฐคือพระเจ้า แต่นี่คือ 2021 แล้ว อเมริกาไม่ใช่ชาติผู้นำเดี่ยวอีกต่อไป อเมริกาสามารถให้ทุนสนับสนุนโครงการทางสังคม รัฐบาล โดยการเพิ่มหนี้ เพราะเงินดอลลาร์ยังคงมีอำนาจเหนือกว่า แต่การครอบงำนั้นรับประกันด้วยความอ่อนแอของผู้อื่นเท่านั้น
ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินนะ ต้องบอกไว้ก่อน แต่ในระยะยาวผมคิดว่าในอีกสิบปีข้างหน้า ดอลลาร์สหรัฐจะถูกแทนที่ด้วยโลกคริปโตฯ ประวัติศาสตร์มีที่มาที่ไปเสมอ ผมอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เยอะ และมันก็เป็นแนวโน้มเช่นนั้นมาตลอด มหานครบาบิโลนที่เคยยิ่งใหญ่ จักรวรรดิโรมันที่เคยยึดครองโลกเกือบครึ่งใบ ยังล่มสลายได้ การมีอินเตอร์เน็ตทำให้ผู้คนมีความรู้มากขึ้น มากขึ้นจนถึงจุดที่พวกเขามองออกแล้วว่าธนาคารเอาเงินของพวกเขาไปทำอะไร และนั่นจะทำให้คนตระหนักถึงการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองมากขึ้น เงินก็เช่นกัน
คำถามที่ 3: ความท้าทายในการเติบโตของโลก AI
IC: ชื่อแกรี่ คาสปารอฟ นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะนักหมากรุกระดับโลก เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ให้แนวคิดที่ว่ามนุษย์ + จักรกล + กระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพจะสามารถเอาชนะมนุษย์หรือหุ่นยนต์เท่านั้นได้ คุณคิดว่าแนวคิดนี้สามารถเอามาปรับใช้กับโลกในตอนนี้ได้อย่างไร?
GK: อย่างแรกเลย ผมต้องบอกว่า ผมเถียงทุกครั้งกับใครก็ตามที่ชอบทำนายจุดจบของมนุษยชาติอยู่เสมอ เพราะคุณมีเทอร์มิเนเตอร์และเมทริกซ์เหล่านี้ทั้งหมด และพระเจ้ารู้ดีว่าอะไรสามารถกำจัดมนุษย์ออกไปได้ดีที่สุด
ในอดีตเครื่องจักรทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ทำให้เราเร็วขึ้น เครื่องจักรอัจฉริยะจะทำให้เราฉลาดขึ้น ผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องของการแทนที่ ไม่ใช่การกำจัดออกไป แต่เราต้องรู้วิธีใช้งานเครื่องจักรเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ หลักการของคาสปารอฟ คือเมื่อเราดูทุกปัญหาแล้วเครื่องจักรจะทำหน้าที่ส่วนใหญ่ และสุดท้ายก็ต้องเป็นมนุษย์ที่มาขมวดปมว่าสิ่งที่ AI ทำนั้นถูกต้องหรือไม่
ไม่ว่า AI จะทรงพลังแค่ไหนก็ยังมีข้อจำกัด อะไรก็ตามที่เป็นระบบปิด AI จะสามารถเข้ามาควบคุมได้ทั้งหมด เกม หมากรุก โกะ โชงิ โป๊กเกอร์ เกม StarCraft ทันทีที่คุณสร้างระบบแบบนี้ขึ้นมา บิงโก AI จะทำงานได้ดีขึ้น แต่ข้อเสียคือ AI ไม่สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากระบบปิดหนึ่งไปยังระบบปิดอื่นได้ หากคุณฝึกคอมพิวเตอร์โดยเล่นแผนที่ StarCraft หนึ่งแผน และจากนั้นคุณใช้ความรู้นี้กับแผนที่ StarCraft อื่นที่มีตัวละครคล้ายกัน คุณจะต้องเริ่มตั้งค่าระบบใหม่ทั้งหมด เว้นแต่ว่าคุณจะมีมนุษย์ที่สามารถช่วยถ่ายทอดความรู้ที่เหมือนกับคุณได้เป๊ะๆ จริงๆ
คำถามที่ 4: ข้อมูลคือน้ำมัน
IC: คุณคงเคยได้ยินคำพูดในสมัยนี้ที่บอกว่าข้อมูลคือน้ำมันสำหรับยุคใหม่ คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ อย่างเช่น กูเกิล (NASDAQ:GOOGL)แอมะซอน (NASDAQ:AMZN), ไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) เฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) ว่าข้อมูลที่พวกเขามีอาจจะมากพอที่จะยึดครองโลกด้วย AI มากกว่าที่รัฐบาลไหนในโลกจะทำได้?
GK: ในช่วงห้าปีล่าสุด ผมได้มีโอกาสทำงานร่วมกับบริษัทซอฟต์แวร์ Avast และในฐานะที่ผมได้เป็นที่ปรึกษาด้านการทำระบบรักษาความปลอดภัย ผมได้เขียนบทความมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว หลักไอเดียแบบเนื้อๆ เน้นๆ ก็คือว่า ถ้ามีใครบางคนสร้างข้อมูลขึ้นมา จะต้องมีคนเก็บข้อมูลอยู่เสมอ ถ้าคุณใช้ชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์มใด แพลตฟอร์มหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะไม่ถูกเก็บบันทึก
คำถามก็คือเกิดอะไรขึ้นกับข้อมูลเหล่านั้น? ไม่ใช่ทุกประเทศในโลกนี้จะเป็นประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯ กันหมด ดังนั้นยังมีข้อมูลของบุคคลอีกหลายพันล้านคนที่ไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎ GDPR คุณพูดถูกส่วนหนึ่งที่ว่าข้อมูลคือน้ำมัน แต่น้ำมันที่ดีก็ต้องมีเครื่องยนต์ที่ดี ปัญหาสำหรับบริษัทหลายแห่งในอเมริกาและยุโรปในตอนนี้คือ พวกเขาไม่มีการเข้าถึงข้อมูลดิบเหมือนกับบริษัทจีน นั่นเป็นเหตุผลที่ผมคิดว่า GDPR ยังเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม AI ในโลกเสรี เพราะมันทำให้พวกเขาอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก กูเกิล แอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ไมโครซอฟต์ หรือบริษัทอะไรของอเมริกันก็แล้วแต่ สิ่งที่พวกเขากำลังทำเหมือนการสร้างมาตรการให้กับราคาน้ำมันเมื่อ 110 ปีก่อน นอกจากบิทคอยน์แล้ว ผมไม่เห็นอะไรที่เป็นการกระจายศูนย์อย่างแท้จริง คุณไม่ขายข้อมูลให้รัฐบาล คุณก็ขายข้อมูลให้เอกชนยักษ์ใหญ่ เหมือนพวกเขาจะยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางนะ แต่ความจริงแล้ว ผู้บริโภคต่างหากที่กำลังเป็นทาสของพวกเขา
ผมมีเรื่องตลกจะเล่าให้ฟังด้วย คุณคิดว่าในโลกเสรี เราเรียกร้องหาความเป็นส่วนตัวใช่ไหม เราไม่ชอบให้ใครมาบุุกรุกความเป็นส่วนตัวใช่ไหม แต่ในแง่ของการรักษาความปลอดภัยให้ตัวเองนั้น ผู้บริโภคถือว่าสอบตกอย่างสิ้นเชิง การทำงานกับ Avast ของผมทำให้ได้รู้ว่าพาสเวิร์ดยอดฮิตยังคงเป็น 12345678 และพาสเวิร์ดยอดนิยมอันดับสองคือ 123456789 ถ้าขนาดตัวคุณเองยังไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง แล้วคุณจะมาเรียกร้องอะไรกับเรื่องความเป็นส่วนตัว
IC: คำถามสุดท้ายครับ ทุกวันนี้คุณลงทุนในคริปโตฯ แล้วใช่ไหม?
GK: แน่นอนครับ ถ้าผมกล้าออกมาพูดเรื่องคริปโตฯ ผมย่อมต้องลงทุนในคริปโตฯ ครับ
IC: ขอถามได้ไหมครับว่าลงทุนกับเหรียญตัวไหนไปบ้าง บิทคอยน์ อีเธอเรียม น่าจะเป็นเหรียญชื่อดังที่เรารู้จักกันดีใช่ไหมครับ
GK: ก็ทำนองนั้นละครับ ผมหวังว่าเหรียญเหล่านี้จะทำกำไรให้ผมได้นะ