Fed Funds Target Range
Actual: 0.00-0.25% Previous: 0.00-0.25%
KTBGM: 0.00-0.25% Consensus: 0.00-0.25%
-
-
คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติให้ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% และมีมติปรับลดการซื้อสินทรัพย์ ในอัตราลดลงเดือนละ 3.0 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นและการจ้างงานก็ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
-
-
-
ทั้งนี้ในส่วนประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dots Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่เริ่มมองว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปี 2022 ซึ่งเร็วกว่าประมาณครั้งก่อน ตามภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดีและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายเฟดที่ 2%
-
-
-
เราปรับมุมมองว่า เฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปี 2022 ซึ่งต้องจับตาแนวโน้มเงินเฟ้อ รวมถึงภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในไตรมาส 1 ปี 2022 ถ้าเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดและตลาดแรงงานฟื้นตัวได้ไว
-
-
-
อย่างไรก็ดี ปัญหาการระบาดของ COVID-19, ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับจีน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้น้อยกว่าคาด
-
-
-
Next FOMC Decision: Jan 27 2022 (2 AM BKK)
-
คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) มีมติให้ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25%
-
FOMC มองกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานเดินหน้าฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้ว่าการระบาดของCOVID-19 ที่ผ่านมาทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจชะลอลงมาบ้าง แต่โดยรวมการจ้างงานก็ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงจากปัญหาด้าน Supply Chain และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักขึ้นหลังการเปิดเมือง ทั้งนี้ FOMC มองว่าแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจยังขึ้นอยู่กับการระบาดของ COVID-19 ซึ่งการเร่งแจกจ่ายวัคซีน รวมถึงปัญหาด้าน Supply Chain ที่คลี่คลายลงจะช่วยบรรเทาผลกระทบได้ ดังนั้น เฟดจึงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม เพื่อหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ จนกว่าที่ตลาดแรงงานจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นบรรลุเป้าหมายของเฟด หลังจากที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% มาสักระยะหนึ่งแล้ว
-
นอกจากนี้ FOMC ยังมีมติปรับลดอัตราการซื้อสินทรัพย์ (QE Tapering) เพิ่มเป็นลดลงเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ จากที่มีมติปรับลดลงเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการประชุมครั้งก่อน ส่งผลให้เฟดสามารถจะยุติการทำคิวอีได้ในช่วงเดือนมีนาคมปี 2022 ซึ่งจะปูทางไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
-
ทั้งนี้ในส่วนประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ย (Dots Plot) คณะกรรมการ FOMC ได้มีมติปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2021 เป็น 5.5% แย่ลงจากเดิมที่มองไว้ +5.9% จากผลกระทบการระบาด Delta ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เฟดได้ปรับประมาณการการเติบโตเศรษฐกิจดีขึ้นในปี 2022 ที่สำคัญ เฟดมองว่า การจ้างงานจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นในปี 2022 และมองว่าอัตราเงินเฟ้ออาจเร่งตัวขึ้นได้มากกว่าคาดซึ่งจากมุมมองต่อเศรษฐกิจ ทั้งการจ้างงานและเงินเฟ้อที่ดีขึ้น ทำให้ คณะกรรมการ FOMC ส่วนใหญ่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปี 2022 ราว 3 ครั้ง หรือ +75bps ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการในเดือนกันยายน ที่เสียงส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า
เราปรับมุมมองว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปี 2023 จากเดิมที่เคยมองไว้เพียง 1 ครั้ง และมีโอกาสที่เฟดจะขึ้นได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก หากเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด
-
การปรับมุมมองของเฟดที่ Hawkish มากที่สุดจากทุกการประชุม สะท้อนให้เห็นว่า เฟดพร้อมที่จะเข้ามาควบคุมปัญหาเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันเฟดก็ไม่ได้กังวลว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะกระทบการเติบโตเศรษฐกิจ ดังจะเห็นได้จากการที่เฟดปรับประมาณการเศรษฐกิจและอัตราการว่างงานดีขึ้น ดังนั้น เราจึงปรับมุมมองว่า เฟดอาจทยอยขึ้นดอกเบี้ยราว 3 ครั้ง (+75bps) ในปี 2022 โดยสามารถเริ่มขึ้นดอกเบี้ยได้ตั้งแต่ ไตรมาสที่ 2 หลัง ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีขึ้น โดยเรามองว่า ณ ปัจจุบัน เฟดได้บรรลุเป้าหมายด้านอัตราเงินเฟ้อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเหลือเพียงเป้าหมายด้านการจ้างงาน ซึ่งคาดการจ้างงานจะฟื้นตัวดีขึ้นจนอัตราการว่างงานต่ำกว่ามุมมองระยะยาวของเฟดได้ในช่วงกลางปี 2022
-
อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ระบุว่า เฟดไม่จำเป็นต้องทิ้งช่วงเป็นเวลานานหลังยุติการทำคิวอี ก่อนที่จะขึ้นดอกเบี้ยแบบในวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยครั้งก่อน สะท้อนว่า เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า หากเงื่อนไขด้านการจ้างงานสามารถบรรลุได้เร็วขึ้นหรืออัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นมากกว่าคาด ทั้งนี้ เฟดก็มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยได้ช้ากว่าคาดและน้อยกว่าที่เราประเมินไว้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของโอมิครอน ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนของการเมืองสหรัฐฯ ในปีหน้าซึ่งจะมีการเลือกตั้ง Midterm รวมถึงความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้นก็อาจกดดันให้เฟดมีท่าทีที่ไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยได้เช่นกัน
-
อนึ่ง การที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 หรือเร็วกว่านั้นในปลายไตรมาสที่ 1 จะยิ่งสนับสนุนมุมมองของเราที่มองว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เพราะจากสถิติในอดีต เงินดอลลาร์มักจะแข็งค่าขึ้น 6 เดือนก่อนการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก ซึ่งเรามองว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนภาพดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว จึงเหลือ Upsides ไม่มาก ขณะที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังและหนุนการแข็งค่าเงินบาท