| Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (13 ถึง 17 ธ.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,585-1,640
จุด สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปิดที่ 1,618.23 จุด เพิ่มขึ้น 30 จุด จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ (+1.89%Wow) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 71,301 ล้านบาท ลดลง 27.46% WoW เราคาดว่าจะยังเป็นสัปดาห์ที่ SET เคลื่อนไหวผันผวน ในกรอบ Sideway down ภาพรวมการลงทุนยังมีทั้งปัจจัยบวกจากการ คาดหมายที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐฯ ในการประชุม ศบค. วันที่ 13 ธ.ค. นี้ แต่ SET ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง กดดันให้ธนาคารกลาง สหรัฐฯ (Fed) ลดความผ่อนคลายนโยบายการเงิน (tapering) และเปลี่ยนเป็นตึงตัว (tightening) เร็วขึ้น โดยเราประเมินว่าการประชุมรอบนี้ (14-15 ธ.ค.) Fed จะปรับท่าที่เป็นเข้มงวด (hawkish) มากขึ้น สอดคล้องกับท่าทีของนาย Jerome Powell ประธาน Fed ในการแถลงการณ์สภาวะเศรษฐกิจ ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจําวุฒิสภาล่าสุด (1 ธ.ค. ที่ผ่านมา) ขณะที่สัปดาห์นี้จะมีการประชุม ธนาคารกลางสําคัญหลายประเทศทั้ง ECB BoE และ Bo] โดยเฉพาะการประชุม BoE ที่คาดว่าจะมีการ พิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย กลยุทธ์การลงทุนหลัก เราให้น้ําหนักหุ้นในพอร์ตเพียง 50% โดยเรายัง แนะนํากลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการเปิดเมือง (ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์) ตาม Core Investment ใน Theme กําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว
• สหรัฐฯ รายงาน CPI เพิ่มสูงสุดในรอบ 40 ปี เพิ่มแรงกดดันต่อ SET - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 6.8% YoY ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2525 และสูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ เล็กน้อยที่ระดับ 6.7% ด้านดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI - ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน) ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 0.56MoM และเพิ่มขึ้น 4.9%YoY ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 2534 สอดคล้องกับที่ Market Consensus คาดไว้ เพิ่มน้ําหนักต่อการที่เฟดจะดําเนินนโยบายเร่งยุติโครงการซื้อพันธบัตรตาม มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จาก 15,000 ล้านเหรียญต่อเดือน เป็น 30,000 ล้านเหรียญต่อเดือน ในช่วง 1Q65 รวมไปถึงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย และความเป็นไปได้ที่เพิ่มมากขึ้นของเฟด ที่จะปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งในปี 2565 เนื่องจากภาพรวมเงินเฟ้อในช่วง 4Q64 มีโอกาสสูงกว่าที่ Market Consensus คาดหมายไว้ที่ 66 (CPI ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. 64 อยู่ที่ 6.2% YoY) และมีโอกาสสูงกว่า เป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด ในปี 2565 ที่ 2.89% และปี 2566 ที่ 2.4% ทําให้ภาพรวมการลงทุนในช่วงสัปดาห์ นี้ มีความเสี่ยงที่ตลาดจะตอบรับเชิงลบก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟดวันที่ 14-15 ธ.ค. ขณะที่ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมพร้อมกันในวันที่ 16 ธ.ค.
• หุ้นเปิดเมืองยังน่าสนใจ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายใน และโอมครอนที่คลี่คลาย – เรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง (Core Investment: กําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว - BJC OSP CBG ORI SC BEM MAKRO CRC และ HMPRO) จากมุมมองที่เป็นบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึงปี 2565 ที่ถูก คาดหมายการเติบโตของ GDP ที่ต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอน ยังไม่มีข้อมูล ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ไทยยังมีอัตราการฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่สูง (ที่มา: MOPH Immunization Center., กระทรวงสาธารณสุข) โดยปัจจุบันมีผู้ได้รับวัคซีน 2 เข็ม จํานวน 43.3 ล้านคน (คิดเป็น 60.1% ของประชากร) ขณะที่ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จํานวน 4.1 ล้านคน (คิดเป็น 5.7% ของประชากร) โดยในเฉพาะ ผู้ได้รับวัคซีน 2 เข็ม ในกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรง ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ สัดส่วน 64.1 % ผู้มีโรค ประจําตัวเรื้อรัง 68.7 % และหญิงตั้งครรภ์ 15.9% ลดน้ําหนักต่อการที่ภาครัฐฯ จะดําเนินมาตรการควบคุม ที่เข้มงวด รวมไปถึงมาตรการล็อกดาวน์ ในทางกลับกันเราคาดหมายที่จะเห็น (1) มาตรการเปิดประเทศระยะ ที่ 2 ภายใต้การปรับมาตรการเฝ้าระวัง (2) แผนการรับมือ สถานการณ์โควิด-19 ในปี 2565 โดยเฉพาะการ ฉีดวัคซีนโควิด-19 บูสเตอร์โดสให้กับประชาชน (3) มาตรการผ่อนคลายกิจกรรม/กิจการ ทางด้านเศรษฐกิจ และ (4) มาตรการทางการคลังเพิ่มเติม ที่จะช่วยกระตุ้นการบริภาคในประเทศ ในช่วงปลายปี (มาตรการช้อป ดีมีคืน มาตรการคนละครึ่ง และมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้) ซึ่งต้องติดตามการประชุม ศบค. (13 ธ.ค.) รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. อยู่ที่ 70.4 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. ที่ 67.4 จุด ดีกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 67.1 จุด
• มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,630 จุด หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค เราเลือก CK CFRESH และ ORI
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities