Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (7 ถึง 9 ธ.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,565-1,610 จุด ความเสี่ยงระยะสั้นเริ่มลดลง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ยังไม่มีรายงานผลกระทบที่รุนแรง บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน หลังจากก่อนหน้านี้ PBOC ประกาศอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านหยวน (1.57 พันล้านเหรียญ) เข้าสู่ระบบการเงิน ผ่าน reverse repo (อายุ 7 วัน) ล่าสุดประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสํารองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ในอัตรา 0.50% สําหรับสถาบันการเงินทุกแห่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. ยกเว้นสถาบันการเงินที่มีการกันสํารองอยู่ที่ระดับ 5% อยู่แล้ว โดยการปรับลด RRR จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจจริง และช่วยลดต้นทุนทาง การเงินอย่างครอบคลุม ส่งผลบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสียง (ตลาดหุ้น และตลาด Commodity โดยเฉพาะราคาน้ํามันดิบ) โดยเฉพาะภาคการบริโภคในประเทศที่ยังคงแข็งแกร่ง แต่ยังมองตลาดมีความ เสี่ยงในระยะต่อไปจากการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ เราประเมินว่า Reaction Function ของภาครัฐฯ ที่ยัง ไม่มีการดําเนินนโยบายล็อกดาวน์ ทําให้เราเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากภาคการ บริโภค แต่จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงเรื่องของเงินเฟ้อ เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันอาจนําไปสู่ผลกระทบด้าน การผลิต การขนส่ง และการส่งออก ซึ่งจะเป็นปัจจัยเร่งเรื่องของเงินเฟ้อ และเพิ่มน้ําหนักต่อการที่เฟดจะ เร่งยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย มากกว่า 1 ครั้งในปี 2565 ติดตามรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ย. ของสหรัฐฯ วันศุกร์ (10 ธ.ค.) เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุม FOMC (14-15 ธ.ค.) กลยุทธ์การลงทุนหลัก เราให้น้ําหนักหุ้นในพอร์ตเพียง 50% โดยเรายังแนะนํากลุ่มที่ได้ประโยชน์ จากมาตรการเปิดเมือง (ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์) ตาม Core Investment ใน Theme กําลังซื้อใน ประเทศฟื้นตัว ขณะที่ระยะสั้นหุ้นเราแนะนําเก็งกําไร หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว (ธุรกิจที่เกี่ยวกับ การบิน และธุรกิจโรงแรม) กลุ่มพลังงาน และธนาคาร จะกลับมาน่าสนใจจาก Valuation ที่ปรับลดลง ก่อนหน้า รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า พบผู้ติดเชื้อในไทยคนแรก เรามองผลกระทบต่อ SET ค่อนข้างจํากัด - กระทรวงสาธารณสุข รายงานการ ตรวจพบผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน รายแรกของไทย จากระบบ Test and Go หลังจากตรวจตัวอย่างพบความเข้ากันได้กับจีโนมของโอไมครอนสูงถึง 99.92% เป็นการติด เชื่อจากผู้ที่เดินทางมาจากสเปน ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข สายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่ระบาดในประเทศ ยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 65.97% สายพันธุ์อัลฟา 32.48% และสายพันธุ์เบตา 1.54% โดยกระทรวง สาธารณสุข ยังเชื่อมันระบบสาธารณสุขในประเทศมีกระบวนการการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และคัดกรองที่มี ประสิทธิภาพและเข้มข้นสูง สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว เรามองูประเด็น ดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงลบเพียงเล็กน้อย ซึ่งที่ผ่านมา SET ปรับลดลงกว่า 60 จุด (-3.7%) ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ที่มีรายงานพบสายพันธุ์โอไมครอน สะท้อน (1) ความกังวลต่อความสามารถของไวรัสที่สามารถแพร่ ระบาดได้ง่าย กระจายตัวได้เร็ว และ (2) วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการป้องกันลดลง ประกอบ กับปัจจุบันอัตราการฉีดวัคซีนปรับเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงของการแพร่ระบาดในช่วงแรก หรือการกลาย พันธุ์ทั้งสายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์อัลฟา รวมทั้งยังมีความพร้อมของระบบสาธารณสุขในประเทศ ทําให้ เรามองประเด็นดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อ SET ค่อนข้างจํากัด เราแนะนําเก็งกําไรหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการ ท่องเที่ยว ธุรกิจที่เกี่ยวกับการบิน และธุรกิจโรงแรม) ที่มีความน่าสนใจในด้าน Valuation เราเลือก ERW MINT AOT (BK:AOT) AAV และ BAFS
ซาอุฯ ประกาศเพิ่มราคาส่งออกเดือน ม.ค. เรามองว่าดีกับ PTTEP แต่จะกระทบโรงกลั่น - ราคาน้ํามันดิบ ปรับเพิ่ม หลังผู้ส่งออกน้ํามันรายใหญ่ อย่างซาอุดีอาระเบีย ประกาศขึ้นราคาน้ํามันดิบส่งออกประจําเดือน ม.ค. ที่จะขายให้สหรัฐฯ และเอเชีย เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ จากเดือนก่อนหน้า เป็นภาพสะท้อน fundamental ระยะสั้นที่แข็งแกร่งจาก Seasonal Demand แม้ก่อนหน้านี้ OPEC+ มีมติเพิ่มกําลังผลิตน้ํามัน 400,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ม.ค. 2565 ตามมติเดิม สวนทางกับ Market Consensus ที่คาดว่า OPEC+ จะระงับ แผนการเพิ่มกําลังผลิต ในเดือน ม.ค. 2565 เพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาด ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน อย่างไรก็ตามกลุ่ม OPEC+ พร้อมรับเปลี่ยนนโยบายอย่างรวดเร็วตาม สถานการณ์ที่เกิดขึ้น หากความต้องการใช้น้ํามันดิบ ถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สาย พันธุ์โอไมครอน OPEC+ พร้อมจัดการประชุมฉุกเฉินก่อนกําหนดเดิม (กําหนดการประชุม OPEC+ รอบ ต่อไปวันที่ 4 ม.ค. 2565) ระยะสั้นประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อ Oil Play โดยเราเลือก PTTEP (ซื้อ., ราคา เป้าหมาย 140 บาท) เป็นหุ้นเด่น แต่เป็นลบต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น จากต้นทุนน้ํามันดิบเข้ากลั่น (Crude Premium) ที่เพิ่มขึ้น มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,575-1,600 จุด หุ้นแนะนําปัจจัยทาง เทคนิค เราเลือก JAS NSL และ B
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities