Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,660 จุด คาด SET ขาดปัจจัยบวกใหม่ที่ชัดเจนหนุน ทําให้เราคาดว่า SET จะยังเคลื่อนไหวในกรอบ sideway ถึง sideway down ต่อเนื่อง นอกจากนี้ปัจจัยทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น จํานวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ําสุดในรอบ กว่า 50 ปี รวมถึงการปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการ GDP ในช่วง 3Q64 จาก 2.0% เป็น 2.1% เป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ และสนับสนุนการเร่งปรับลด QE ของเฟดใน การประชุมนโยบายการเงิน วันที่ 14-15 ธ.ค. เรายังคงกลยุทธ์การลงทุนเดิม โดยเรายังให้น้ําหนักหุ้นใน พอร์ต 50% แนะนําลงทุนหุ้นในพอร์ต Core Investment โดยเฉพาะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อใน ประเทศฟื้นตัว รวมทั้งหุ้นในกลุ่ม Re-opening ที่เราแนะนําอย่างต่อเนื่อง และ Selective หุ้นที่มีปัจจัย
บวกเฉพาะตัว ในลักษณะเก็งกําไร อย่าง BLA PTG SPRC TOP WHA และ AMATA • คาดราคาน้ํามันดิบยังคงผันผวน แนะลงทุนใน oil station และ โรงกลั่น เลือก PTG SPRC และ TOP เป็นหุ้นเด่น - ราคาน้ํามันดิบยังคงผันผวน เรายังคงมุมมองต่อราคาน้ํามันดิบเป็นลบต่อเช่นเดิม ระยะสั้นยังมี ปัจจัยหนุนจาก Seasonal Demand แต่มียังมีปัจจัยเสี่ยงจากการกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุโรป ขณะที่ปัญหาอุปทานผ่อนคลายลงในระยะสั้น หลังสหรัฐฯ และชาติ พันธมิตร 5 ชาติ ประกาศระบายน้ํามันในคลังสํารองทางยุทธศาสตร์ ต่ํากว่าที่ Market consensus คาดไว้ ก่อนหน้านี้ ขณะที่ท่าทีของกลุ่ม OPEC+ ยังคงแผนการปรับเพิ่มกําลังผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน สําหรับการ ผลิตน้ํามันดิบในเดือน ม.ค. 65 (ติดตามการประชุม OPEC+ วันที่ 2 ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าแนวโน้ม อุปทานในช่วงที่เหลือของปี 2564 ถึงต้นปี 2565 จะยังเพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่ม OPEC+ และ Non-OPEC รวมไป ถึงหากมีการยกเลิกมาตรการคว่ําบาตรอิหร่าน จะทําให้อิหร่านสามารถกลับมาผลิต และส่งออกน้ํามันดิบเพิ่ม (เรายังไม่ให้น้ําหนักประเด็นดังกล่าว) ขณะที่ภาพของ Seasonal Demand จะหมดลงในช่วงต้นปี 2565 เราคาดว่าปริมาณสํารองน้ํามันดิบทั่วโลกจะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ํามันดิบ เรากลับมาให้ น้ําหนักการลงทุนหุ้นในกลุ่มสถานีบริการน้ํามัน (oil station) ได้แก่ OR PTG และ SUSCO จาก Valuation ที่มี downside จํากัด หลังสะท้อนปัจจัยลบไปมาก เรายังเลือก PTG เป็นหุ้นเด่น รวมทั้งกลุ่มโรงกลั่น จาก downside จํากัดของค่าการกลั่นในระดับปัจจุบัน เราเลือก SPRC และ TOP เป็นหุ้นเด่น ขณะที่ สถานการณ์โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนขยายกําลังกลั่น ทําให้เราคาดว่าจะไม่มี โรงกลั่นใหม่เข้าสู่ตลาดในช่วงปี 2565-2567 ทําให้กลุ่มโรงกลั่นดูน่าสนใจในระยะยาว
กบง. เห็นชอบปรับสูตร B100 พร้อมคงค่าการตลาด เราเชื่อราคาหุ้น PTG มี downside จํากัด ยังแนะนํา “ซื้อ” ประเด็นคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีมติเห็นชอบบรรเทาผลกระทบของราคา น้ํามันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นของกระทรวงพลังงาน โดยมีแนวทางปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ํามันดีเซล ให้มีสัดส่วนผสมเดียวที่ 7% (B7) จากเดิมที่ผสม 7%, 10% และ 20% โดยจะดําเนินการในเดือน ธ.ค. 64 - มี.ค. 65 พร้อมขอให้คงค่าการตลาดกลุ่มน้ํามันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร โดยคาดว่าจะทําให้ราคาดีเซลอยู่ ที่ 28 บาท/ลิตร เรามองเป็นผลกระทบเชิงลบต่อ PTG ในแง่ค่าการตลาดที่จะลดลงราว 20% แต่จะถูกชดเชย จากปริมาณการจําหน่ายน้ํามันที่คาดจะฟื้นตัวราว 17-20% จากภาคการท่องเที่ยว ภาคเกษตร และภาค ขนส่ง ภายหลังการเปิดเศรษฐกิจ ขณะที่การลดสัดส่วนไบโอดีเซล เราคาดว่าจะไม่กระทบต่อบริษัท เนื่องจาก ปัจจุบันบริษัทมีกําลังการผลิต 5 แสนลิตรต่อวัน แต่ PTG ใช้ไบโอดีเซลราว 7-8 แสนลิตรต่อวัน รวมถึงการใช้ น้ํามันไบโอดีเซล B7 เป็นหลักที่มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของน้ํามันดีเซลทั้งหมด โดยเราคาดว่า ผลประกอบการใน 4Q64 จะถูกจํากัดการฟื้นตัวจากผลกระทบดังกล่าว ภาครัฐฯ กระตุ้น EEC เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมฯ เลือก WHA และ AMATA เป็นหุ้นเด่น จาก ประเด็นข่าวของภาครัฐฯ ในการตั้งเป้าหมายกระตุ้นโครงการ EEC จํานวน 5 แสนล้านบาท ปี 2565 หนุน GDP ใน 3 จังหวัด เติบโต 6.3% พร้อมทั้งเดินหน้าส่งมอบที่ดินสร้างสนามบิน นักวิเคราะห์เรามีมุมมอง ที่เป็นบวก โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มนิคมฯ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความดึงดูดและความสนใจต่อกลุ่มนักลงทุนที่มีแผ่นย้าย ฐานการผลิตหรือเพิ่มกําลังการผลิต โดยเฉพาะในช่วงปี 65 ที่คาดว่าจะเห็น Pent Up Demand จากนักลงทุน โดยเฉพาะชาวจีน ไต้หวัน ที่ให้ความสนใจเข้ามาเยี่ยมชมและทําธุรกรรมที่ดินในเขต EEC โดยเราเลือก WHA และ AMATA เป็น Top Picks ที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ และคาดว่าจะเห็น
ทั้งยอดขายและโอนที่ดินในปี 65-66 ที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ • มุมมองทางเทคนิค - หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค: KSL TISCO และ XO
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities