Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,655 จุด คาด SET มีโอกาส ผันผวนในลักษณะ sideway down และมีโอกาสลงทดสอบแนวรับระหว่างวันที่ 1,635 จุด จากปัจจัยที่ กลับมามีน้ําหนักเพิ่มขึ้นจากราคาน้ํามันดิบที่ปรับลดลง และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่เร่งตัวในช่วง 4Q64 สร้างแรงกดดันต่อธนาคารกลางทั่วโลกในการเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เรายังคงกลยุทธ์ การลงทุนเดิม ให้น้ําหนักหุ้นในพอร์ตเพียง 50% และให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Domestic play เราเลือก AMATA CPALL (BK:CPALL) CBG KBANK (BK:KBANK) ITB BJC AOT (BK:AOT) BDMS BEM และ ERW รวมไปถึงหุ้นในพอร์ต Core Investment อย่าง Re-opening และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว คาดสหรัฐฯ ประกาศประธานเฟดคนใหม่ภายในสัปดาห์นี้ เราเชื่อว่าส่วนหนึ่งของความผันผวนของตลาด เกิดจากการชะลอการลงทุน เพื่อรอดูผลการเลือกประธานเฟดคนใหม่ โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นําสหรัฐฯ คาดว่าจะสามารถเสนอชื่อผู้ที่จะมาดํารงตําแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ เนื่องจากวาระการดํารงตําแหน่งของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนปัจจุบันจะหมดลง ก.พ. 2565 อย่างไรก็ตาม Consensus ยังคงประเมินว่า นายเจอโรม พาวเวล จะยังคงถูกเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งต่ออีก สมัย โดยได้รับการสนับสนุนจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เพิ่มโอกาสที่นายเจอโรม พาวเวล จะได้รับความไว้วางใจให้ทําหน้าที่ประธานเฟดอีกสมัย กรณีดังกล่าวเราเชื่อว่าจะทําให้การดําเนินนโยบาย การเงินและการคลัง ไม่สะดุดในช่วงรอยต่อ แต่หากนายเจอโรม พาวเวล ไม่ได้ถูกเสนอชื่อให้ดํารงตําแหน่งต่อ อาจกระทบภาพรวมการลงทุนจากความไม่แน่นอนในการดําเนินนโยบายการเงิน ขณะที่เราให้น้ําหนัก การปรับเพิ่มดอกเบี้ย 1 ครั้งในปี 2565 โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงการประชุม FOMC เดือน ธ.ค. (13-14 ธ.ค. 65) หลัง US Mid-term Election (8 พ.ย. 65) โดยปัจจัยเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย อยู่ที่ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งหากมีแนวโน้มปรับเพิ่มต่อเนื่อง หรือทรงตัวในระดับสูงถึงปลาย 1Q65 มีโอกาสเห็นเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เราคาด ราคาน้ํามันดิบยังคงปรับลดลง สอดคล้องกับมุมมองของเรา หลังแรงกดดันด้านอุปทานเริ่มแรงขึ้น – ราคา น้ํามันดิบปรับลดลงตามมุมมองของเรา โดยในเดือน พ.ย. 64 สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับลดลง 7.2% โดย 2 ปัจจัยลบที่ยังคงกดดันมาจาก (1) การระบายน้ํามันออกจากคลัง SPR ของทั้งสหรัฐฯ และจีน เพื่อลดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ และต้นทุนผลิต ในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้น จากการปรับเพิ่มของ ราคาน้ํามันดิบ และ (2) มุมมองที่เป็นลบของ OPEC และ IEA ต่อทั้งภาพของความต้องการใช้น้ํามันดิบในช่วง High Season อาจะไม่ได้สูงอย่างที่มีการคาดหมาย ทําให้ก่อนหน้านี้ OPEC (รายงานเดือน พ.ย. 64) ออกมา ปรับลดประมาณการความต้องการใช้น้ํามันดิบลง ในช่วง 4Q64 จะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 99.49 ล้านบาร์เรลต่อวัน (MBD) ลดลงจากประมาณการเดิม 330,000 บาร์เรลต่อวัน รวมไปถึงในรายงานล่าสุดที่ออกมาระบุถึงภาวะ
ຄອນວຽງ น้ํามันล้นตลาด ตั้งแต่ ธ.ค. 64 เป็นต้นไป จากการเพิ่มกําลังผลิตน้ํามันดิบทั่วโลก รวมไปถึง OPEC+ เรายังคง มุมมองเดิมต่อราคาน้ํามันดิบ โดยเราคาดว่า ราคาน้ํามันดิบ (Dubai) ปี 2564-2565 อยู่ที่ 75 และ 70 เหรียญต่อบาร์เรล โดยความเสี่ยงจากภาพของอุปทานที่ทยอยปรับเพิ่มจากกลุ่ม OPEC+ ทุกเดือน เฉลี่ยเดือนละ 0.4 MBD (ระหว่าง ส.ค. 64 ถึง ก.ย. 65) รวมทั้งกําลังผลิตนอกกลุ่ม OPEC (สหรัฐฯ และแคนาดา) ที่จะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2 MBD คงมุมมองเชิงลบต่อ oil play
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Company Update: MGT FSMART HANA WHA และ SC Company Update: MGT (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 5.4 บาท) MGT ยังน่าสนใจ แนวโน้มกําไรเติบโตดีกว่าที่เรา คาด - ผลประกอบการ 4Q64 มีแนวโน้มเติบโต QoQ เล็กน้อย ปัจจัยหนุนมาจากบริษัท กรีน ลีฟ เคมิคอล จํากัด หนุนรายได้ รวมถึงสถานการณ์ COVID-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าและการขาดแคลน ตู้คอนเทนเนอร์ยังกดดันอัตรากําไรขั้นต้นให้ลดลง YoY แต่ทรงตัว QoQ คาดบริษัท กรีน ลีฟ เคมิคอล จํากัด หนุนผลประกอบการให้เติบโตอย่างมีนัยสําคัญในปี 65 และธุรกิจ Graphite คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วง 2H65 ปรับประมาณการกําไรสุทธิปี 64-65 เพิ่มขึ้น 6% และ 10% คงคําแนะนํา “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย ใหม่ในปี 65 ที่ 5.40 บาท มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,635-1,655 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค: SYNEX KBANK และ SKY
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities