🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

ลุ้น การประชุม Biden-Xi ลดความร้อนแรงสงครามการค้า

เผยแพร่ 15/11/2564 08:23
USD/THB
-
US500
-
DX
-


สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก กระตุ้นให้ตลาดกลับมากังวลปัญหาเงินเฟ้อและการเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง

  • ตลาดจะรอลุ้นการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างสหรัฐฯ กับจีน (Biden-Xi Virtual Meeting) ซึ่งอาจช่วยลดความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศได้

  • เงินดอลลาร์อาจเริ่มแกว่งตัว Sideway หากตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น จากภาพความขัดแย้ง จีน-สหรัฐฯ ที่อาจลดความร้อนแรงลง แต่เรามองว่า ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในโซนยุโรป อาจเป็นปัจจัยที่กดดันค่าเงินยูโร (EUR) และหนุนให้เงินดอลลาร์ทรงตัวในระยะสั้นต่อได้ ส่วน ทิศทางเงินบาทอาจเปลี่ยนกรอบเคลื่อนไหว หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำและฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ หากการฟื้นตัวเศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะเห็นฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นและบอนด์ระยะสั้น ทั้งนี้ แนวรับเงินบาทขยับลงมาที่โซน 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งผู้นำเข้ายังรอซื้อเงินดอลลาร์ ส่วนแนวต้านจะอยู่ในช่วง 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งผู้ส่งออกต่างรอทยอยขายเงินดอลลาร์

  • มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้
    32.50-33.00
    บาท/ดอลลาร์

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

  • ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดจะรอลุ้นภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนตุลาคม ที่อาจโตถึง +1.1% จากเดือนก่อนหน้า หนุนโดยความต้องการใช้จ่ายที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหลังผู้คนกลับไปทำงานและใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกยังได้แรงหนุนจากยอดการใช้จ่ายที่เกี่ยวกับสินค้าพลังงานซึ่งเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ทั้งนี้ตลาดจะรอจับตา มุมมองของบรรดาเจ้าหน้าเฟด ต่อแนวโน้มการทยอยขึ้นดอกเบี้ย หลังอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด และที่สำคัญ ตลาดจะรอจับตา การประชุมระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับจีน (Biden-Xi Virtual Meeting) ซึ่งหากการประชุมเจรจา มีความราบรื่นอาจส่งผลให้ ทั้งสองประเทศเตรียมลดภาษีการค้าที่เคยได้ปรับขึ้นก่อนหน้าและช่วยลดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศลง ซึ่งภาพดังกล่าวอาจส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดได้บ้าง ดังจะเห็นได้จากการที่หุ้นที่มีความอ่อนไหวการประเด็นการค้าของจีน (Morgan Stanley’s China Trade Sensitive Basket) ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าดัชนี S&P500 ในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ภาพดังกล่าวอาจช่วยหนุนให้เงินหยวนของจีน (CNY) สามารถแข็งค่าขึ้นได้บ้าง

  • ฝั่งยุโรป – ตลาดยังคงกังวลปัญหาเงินเฟ้ออยู่ ซึ่งอาจทำให้ หากรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของอังกฤษในเดือนตุลาคมพุ่งขึ้นสูงกว่า 3.9% ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จะหนุนให้ตลาดกลับมาเชื่อว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ หากยอดค้าปลีกสามารถโตกว่า +0.8% จากเดือนก่อนหน้าได้ ก็จะยิ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาคาดหวังการขึ้นดอกเบี้ยเร็วของ BOE และอาจหนุนให้เงินปอนด์ (GBP) กลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง พร้อมกับบอนด์ยีลด์ฝั่งอังกฤษที่อาจปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าติดตามสำหรับฝั่งยุโรป คือ สถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ของ COVID ซึ่งเริ่มส่งผลให้บางประเทศกลับมาใช้มาตรการ Lockdown เพื่อควบคุมการระบาด โดยสถานการณ์การระบาดที่เลวร้ายอาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจยุโรปพลิกกลับมาชะลอลงมากกว่าคาดได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้

  • ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะจับตาแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางปัญหาหนี้ของภาคอสังหาฯของจีน รวมถึงปัญหาการระบาดของ COVID ระลอกใหม่ ซึ่งตลาดมองว่าอาจทำให้เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว สะท้อนผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในเดือนตุลาคม อาทิ ยอดค้าปลีกที่จะโตเพียง +3.7%y/y ชะลอลงต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ตลาดเริ่มมองเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจฟื้นตัวได้ดี หลังการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ทำให้ตลาดคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจหดตัวราว -0.7% จากไตรมาสก่อน เมื่อเทียบเป็นรายปี และเศรษฐกิจอาจโตดีขึ้นในไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้ การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนตุลาคมอยู่ที่ระดับ 0.1% ซึ่งจะหนุนการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อนึ่ง ธนาคารกลางอื่นๆ อาทิ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) รวมถึง ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.0% และ 3.5% ตามลำดับ เพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป

  • ฝั่งไทย – ตลาดจะรอลุ้นอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 หลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ทำให้มีโอกาสที่เศรษฐกิจอาจหดตัวน้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ -2.6%y/y นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ตลาดจะจับตารายงานชุดข้อมูลเศรษฐกิจ BOT RAT (Regional Activity Tracker) ของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งจะช่วยสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น ซึ่งหากทั้งรายงาน GDP รวมถึง BOT RAT สะท้อนภาพการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทย เราเชื่อว่าภาพดังกล่าวอาจช่วยหนุนให้นักลงทุนต่างชาติทยอยเข้ามาลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น และบางส่วนอาจเริ่มปรับมุมมองว่า เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นได้

Weekahead carlendar

Europe Google mobility data

China trade sensitive stocks

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย