หลังจากที่ราชาแห่งสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ได้ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ที่ $68,564 เมื่อวานนี้ ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาบิทคอยน์ได้ย่อตัวกลับลงมาจากจุดสูงสุดดังกล่าวแล้ว ถึงแม้จะเป็นการถอยทัพกลับลงมา แต่กองกำลังขาขึ้นก็ยังรักษากระบวนทัพ ให้สามารถยืนอยู่ที่ $66,000 โดยประมาณ แต่ถือว่าไม่ได้ไกลจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่พึ่งสร้างไปเมื่อวานนี้เลย
ตั้งแต่เปิดสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤศจิกายน ตลาดสกุลเงินดิจิทัลก็ปรับตัวขึ้นกันอย่างคึกคัก อันที่จริงสกุลเงินดิจิทัลทางเลือกได้ขยับตัวขึ้นนำบิทคอยน์ไปก่อนแล้ว แต่บิทคอยน์พึ่งจะเริ่มกลับมามีความเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เฉพาะวันนั้นวันเดียว บิทคอยน์สามารถวิ่งขึ้นมาได้มากถึง 6.7% และภายในช่วงสี่วันล่าสุด บิทคอยน์สามารถวิ่งขึ้นมาได้ 11.4%
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่าสาเหตุที่บิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมาในตอนนี้เป็นเพราะผู้คนเริ่มตระหนักในการหาสินทรัพย์ทางเลือกมาถือครองคานความเสี่ยงกับสินทรัพย์หลักมากขึ้น และบิทคอยน์ก็เป็นเหรียญที่มีจำนวนจำกัด นอกจากนี้ยังมีประเด็นในเรื่องของโลกที่หันมาสนใจทำธุรกิจผ่านคริปโตฯ มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลอดของโลกสกุลเงิจดิจิทัลรวมสามารถแตะ $3 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐได้เป็นที่เรียบร้อย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ตลอดทั้งปี 2021 ตลาดสกุลเงินดิจิทัลสามารถเติบโตขึ้นได้มากกว่า 280% ภายในปีเดียว
ไม่ว่าขาขึ้นของบิทคอยน์ครั้งนี้จะมาจากปัจจัยพื้นฐานหรือความเคลื่อนไหวทางเทคนิค ก็ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมขาขึ้นครั้งล่าสุดนี้กำลังเปิดโอกาสให้บิทคอยน์สามารถวิ่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดใหม่ที่ $90,000 ได้
ขาขึ้นของบิทคอยน์เมื่อวันจันทร์ถือเป็นการทะลุกรอบสามเหลี่ยมรูปธง ที่ลากมาจากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ตามทฤษฎีแล้วการฟอร์มตัวเป็นรูปธง มักเกิดขึ้นหลังจากตลาดที่วิ่งขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็วมาก่อนหน้า และการทะลุกรอบสามเหลี่ยมนี้ขึ้นมาก็นำมาซึ่งจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่เมื่อวานนี้
ถามว่าตลอดทางของขาขึ้นก่อนหน้านี้มีโอกาสที่บิทคอยน์จะปรับตัวลงมาได้ไหม คำตอบคือมี การฟอร์มตัวในกรอบสามเหลี่ยมรูปธง หากจะมองว่าจุดสูงสุดของวันที่ 20 ตุลาคมเป็นหัว และในวงกลมสีเขียวนั่นเป้นไหล่ซ้ายก็ได้ แต่การทะลุกรอบสามเหลี่ยมกลับขึ้นไปได้นั้น ถือเป็นการทำลายการฟอร์มตัวขาลงของรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ลงในทันที (เพราะไม่มีไหล่ขวา)
หากอ้างอิงจากตำราว่าหลังจากฟอร์มตัวเป็นรูปธงแล้ว พฤติกรรมราคาหลังจากนั้นจะสามารถวิ่งไปได้ไกลแค่ไหน คำตอบก็คือมีโอกาสที่บิทคอยน์จะขยับตัวจากจุดที่หลุดออกมา ขึ้นไปได้อีกประมาณ $25,000 ณ จุดจุดนี้ เราจะเริ่มวัดขาขึ้นจากระดับราคา $63,500 เป็นต้นไป
อีกทางหนึ่ง ในกรอบสามเหลี่ยมนั้น เราสามารถมองว่ากราฟเป็นรูปแบบหัวไหล่ด้านหงายได้ (Inverted Head & Shoulder) โดยไหล่ซ้ายจะอยู่ที่จุดสูงสุดของวันที่ 20 ตุลาคม ส่วนหัวจะอยู่ที่จุดต่ำสุดในวันที่ 28 ตุลาคม และไหล่ขวาจะอยู่ที่จุดต่ำสุดในวันที่ 6 พฤศจิกายน เมื่อมองเช่นนี้ เราจะเห็นความเป็นไปได้ที่ราคาอาจวิ่งขึ้นไปได้อีก $6,700 แต่ถ้าเชื่อว่านี่เป็นการทะลุกรอบสามเหลี่ยมรูปธง ก็ให้วิเคราะห์ว่าเป็นไปได้ที่ราคาอาจวิ่งขึ้นไปได้อีก $25,000 หรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองรูปแบบอ้างอิงจากจุดเบรกเอาท์ที่ระดับราคา $63,500
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอให้บิทคอยน์ย่อกลับลงมาทดสอบแนวรับ สร้างแท่งเทียนขาขึ้น และวางคำสั่งซื้อ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอเช่นเดียวกับกลุ่มที่ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่จะไม่รอสัญญาณยืนยันจากแท่งเทียนขาขึ้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะสวนเทรนด์ด้วยการเก็บกำไรจากขาลงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หากคิดจะใช้วิธีนี้ ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นวิธีที่เสี่ยง เพราะแนวโน้มหลักยังเป็นขาขึ้น ดังนั้นต้องมีความเชี่ยวชาญ และมีวินัยในตัวเองสูงพอสมควร
กลยุทธ์การเทรด (ขาลง)
- จุดเข้า: $68,000
- Stop-Loss: $68,500
- ความเสี่ยง: $500
- เป้าหมายในการทำกำไร:$65,000
- ผลตอบแทน: $3,000
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:6