Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน
- เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด ตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway หลังไม่มีปัจจัยบวกใหม่สนับสนุนการลงทุน ขณะที่หุ้นที่มีปัจจัยบวก เฉพาะตัวก่อนหน้า เราให้น้ําหนักเพียงเก็งกําไร หลังราคาหุ้นปรับเพิ่มจน Valuation เริ่มจํากัด แนะลงทุนใน Theme หุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่กลับมาฟื้นตัวในช่วงที่เหลือ ของปี 2564 หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนปรนมาตรการ LTV ขณะที่หุ้นในกลุ่ม Oil play ระยะสั้น จะกลับมามี Sentiment เชิงลบ ก่อนการประชุม OPEC+ สัปดาห์หน้า ขณะที่ PTTEP ที่เราเลือกเป็น หุ้นเด่น ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 18% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา กลยุทธ์การลงทุน เราแนะนํา Take Profit ระยะสั้น เพื่อรอลงทุนรอบใหม่ โดยภาพรวมของปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง การลงทุนระยะสั้น เรากลับมาให้น้ําหนักประเด็นการประกาศผลประกอบการ (TM NER และ SONIC) รวมไปถึงการ คาดหมายผลประกอบการ 4Q64 ที่แข็งแกร่ง (SPALI FSMART FORTH และ APURE) วันนี้ (28 ต.ค.) ติดตามการประชุมธนาคารกลาง ECB และ BOJ (28 ต.ค.) และการรายงาน GDP สหรัฐฯ ช่วง 3Q64 รวมไปถึงสัปดาห์หน้าติดตามการประชุม FOMC (วันที่ 2-3 พ.ย.) และการประชุม OPEC+ (4 พ.ย.) ติดตามการประชุม BOJ และ ECB วันนี้ (28 ต.ค.) คาดมีความชัดเจนเรื่อง QE Tapering
- เราคาดว่าการ ประชุม ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOI) วันนี้ จะยังคงอัตราดอกเบี้ย นโยบาย แต่เราเชื่อว่า ECB จะมีความชัดเจนเรื่องของการทํา QE Tapering (เราคาดว่า ECB จะเริ่มลด QE ในเดือน ธ.ค.) หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มในอัตราเร่งตัว เป็นผลจากราคาน้ํามันที่ปรับตัวขึ้น รวมไปถึง ติดตามการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า (2-3 พ.ย.) จะมีความชัดเจนเรื่องของการทํา QE Tapering เช่นกัน (เราคาดว่าเฟด จะเริ่มลด QE ในเดือน พ.ย.) EIA รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ ลดลงมากกว่าคาด - สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดที่ 82.66 เหรียญต่อบาร์เรลลดลง 1.99 เหรียญ (-2.4%) ตอบรับเชิงลบต่อรายงานของสํานักงาน สารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.26 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (สิ้นสุด 22 ต.ค.) มากกว่าที่ Market Consensus คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสํารองน้ํามันดิบ ณ จุดส่งมอบที่คลังคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ลดลง 3.899 ล้าน บาร์เรล ลดลงในอัตราที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนที่ลดลง 2.320 ล้านบาร์เรล ด้านปริมาณสํารอง น้ํามันสําเร็จรูป (1) ปริมาณสํารองน้ํามันดีเซลลดลง 432,000 บาร์เรล (คาดจะลดลง 2.31 ล้านบาร์เรล) และ
(2) ปริมาณสํารองน้ํามันเบนซินลดลง 1.994 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 1.862 ล้านบาร์เรล) • บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Preview: TASCO และ PACO
• Earnings Preview: TASCO (เก็งกําไร.. ราคาเป้าหมาย 19.20 บาท) คาดกําไร 3Q64 เป็นจุดต่ําสุดของปี - คาดกําไรสุทธิ 3Q64 ที่ 388 ล้านบาท ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากปริมาณการขายที่ลดลง สัดส่วนขาย ต่างประเทศมากขึ้น และบันทึกขาดทุนจาก Hedging Loss มองทิศทางผลประกอบการใน 4Q64 จะสามารถ ฟื้นตัว จากความต้องการใช้ยางมะตอยที่ฟื้นตัวประกอบกับราคาขายที่เพิ่มขึ้น หนุนการฟื้นตัวของรายได้ การเลือกตั้งในเวเนฯ ยังเป็นประเด็นสําคัญที่ต้องติดตาม ซึ่งมีโอกาสการ Sanction ของสหรัฐฯ ได้รับการ ทบทวนอีกครั้ง เป็น Upside ให้กับราคาหุ้น เราแนะนําเพียง “เก็งกําไร” ราคาเป้าหมายที่ 19.20 บาท Earnings Preview: PACO (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 3.7 บาท) ประมาณการกําไรสุทธิ 3Q64 เติบโต 60%YoY - คาดกําไรสุทธิ 3Q64 เติบโต 60%YoY รายได้รวมเติบโตต่อเนื่อง หนุนจากค่าเงินบาทและการส่งออกไป ตลาดต่างประเทศที่ขยายตัว คาดอัตรากําไรขั้นต้น 3Q64 อยู่ที่ 25.8% โดยไม่ได้รับผลกระทบอย่างมี นัยสําคัญจากราคาอะลูมิเนียมที่ปรับเพิ่มขึ้น แนวโน้มรายได้ 2H64 เติบโตต่อเนื่องจากตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ บริษัทขยายธุรกิจใหม่ OEM โดยมีการลงนามสัญญามูลค่า 800 – 1,200 ล้านบาท เริ่มรับรู้ รายได้ 1Q65 แนะนํา “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 3.70 บาท มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค: EP UV และ STECH