ขาลงของดาวโจนส์ดึงตลาดสกุลเงินให้อ่อนค่าตามอย่างไร?

ดัชนีวัดความผันผวนจาก CBOE ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบสี่เดือน สะท้อนให้เห็นว่าสัปดาห์อาจจะเป็นหนึ่งในสัปดาห์ที่ตลาดลงทุนสหรัฐฯ จะผันผวนวุ่นวายมากที่สุด ดัชนีอ้างอิงสามสิบบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ “ดาวโจนส์”ร่วงลงมากกว่า 900 จุด ก่อนที่จะสามารถวิ่งกลับขึ้นมาปิดติดลบ 600 กว่าจุด ในขณะเดียวกันดัชนีหลักอีกตัวอย่างเอสแอนด์พี 500 ก็ปรับตัวลดลงมากถึง 1.7% สร้างสถิติขาลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

สิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมาเมื่อคืนนี้ไม่ใช่ความคาดหวังจากการรอคอยการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้คาดหวังอะไรที่เซอร์ไพรส์มากตั้งแต่เห็นตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และดัชนีราคาผู้บริโภคปรับตัวลดลง สิ่งที่ทำให้ตลาดลงทุนเป็นกังวลเมื่อคืนนี้คือดราม่าที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีน เมื่อ “เอเวอร์แกรนด์” (HK:3333) บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่มีโอกาสจะทำหนี้มูลค่า $300,000 ล้านเหรียญสหรัฐกลายเป็นศูนย์ นักลงทุนฝั่งตะวันตกกำลังเป็นกังวลว่าเหตุการณ์นี้จะซ้ำรอยเดิมกับการล่มสลายของธนาคารเลห์แมนบราเธอร์สหรือไม่

นักลงทุนที่อยู่ในตลาดหุ้นมานานจะทราบดีว่าเดือนกันยายนนั้นไม่ใช่เดือนที่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นเท่าไหร่ ยิ่งตั้งแต่ปีที่แล้วมาจนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นมีประเด็นเรื่องของโควิดเป็นปัจจัยกดดันอยู่แล้ว และต้องมาถูกซ้ำเติมด้วยความเสี่ยงจากบริษัทเอเวอร์แกรนด์อีก ความตระหนกครั้งนี้จึงทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์แทบจะทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสกุลเงิน พันธบัตรรัฐบาล น้ำมันหรือแม้แต่สกุลเงินดิจิทัลก็ไม่เว้น แสดงว่านักลงทุนต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอย่างชัดเจน

ในโลกของตลาดสกุลเงิน มีเพียงสกุลเงินเยนและสวิตฟรังก์เท่านั้นที่แข็งค่ามากที่สุด รอดจากขาลงเมื่อวานได้  ดอลลาร์สหรัฐแม้จะแข็งค่ากับสกุลเงินหลักอื่นๆ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะสกุลเงินยูโรได้ และเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและสวิตฟรังก์แล้ว ดูเหมือนว่ากราฟเปรียบเทียบระหว่างสกุลเงินทั้งสองฝั่งจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ 

ถ้าวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปรับตัวลดลงต่อ ดาวโจนส์ร่วงลง 500 จุดหรือมากกว่านั้น ความสนใจของนักลงทุนที่จะมีต่อการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้จะหายไป เพราะเมื่อเทียบกับเรื่องเอเวอร์แกรนด์แล้ว ผลกระทบจากกรณีดังกล่าวมีสูงกว่าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เอาแต่นวดตลาดลงทุนไปเรื่อยๆ ล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศไม่ให้ความช่วยเหลือกับเอเวอร์แกรนด์ ยิ่งทำให้ตลาดสกุลเงินมีโอกาสอ่อนค่ามากขึ้นภายใน 24-36 ชั่วโมงนับจากนี้ ดอลลาร์อาจอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนและสวิตฟรังก์ และวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีราคาที่อยู่อาศัยและการอนุญาตก่อสร้างในสหรัฐอเมริกา

นอกจากดราม่าเอเวอร์แกรนด์และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังมีการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลียในวันนี้ และธนาคารกลางอังกฤษให้ได้จับตามอง ที่สำคัญคือมีการเลือกตั้งในประเทศแคนาดาด้วย และก็ต้องขอแสดงความยินดีอีกครั้งที่นายจัสติน ทรูโด ยังสามารถรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเอาไว้ได้เป็นสมัยที่สาม อันที่จริงการแข่งขันรอบนี้ค่อนข้างดุเดือด และมีโอกาสที่เขาจะพลาดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้ ทำให้กราฟ USDCAD ปรับตัวลดลงมาจากต่ำกว่า 1.2800

สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงเมื่อเช้านี้หลังจากทราบว่าธนาคารกลางตัดสินใจไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนกว่าจะถึงปี 2024 แม้ว่า RBA จะเริ่มแผนการลดสภาพคล่องของประเทศออสเตรเลียไปตั้งแต่การประชุมคราวที่แล้ว ที่นิวซีแลนด์มีการผ่อนคลายมาตรการคุมเช้มทางสังคมในเมืองโอ๊คแลนด์ แต่ดัชนี PMI ภาคบริการที่ประกาศไปก่อนหน้านี้หดตัวไปเรียบร้อยแล้ว สกุลเงินปอนด์เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดเมื่อวานนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพฤหัสบดีนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ แม้ว่า BoE จะเป็นธนาคารกลางที่ขึ้นชื่อว่าไม่ชอบใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย แต่ขาลงในตลาดหุ้นประกอบกับการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ก็อาจทำให้ BoE เกิดการลังเลเมื่อต้องพูดถึงความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่สำคัญก็คือมาตรการเยียวยาสำหรับผู้ว่างงานกำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงได้