Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,640 จุด SET วานนี้ (16 ก.ย.) ยังมีผลกระทบเล็กน้อยจากกลุ่มหุ้นที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายตํา (DELTA MAKRO และ INTUCH กระทบ SET ประมาณ 2.1 จุด) ขณะที่ SET วันนี้ยังมีโอกาสผันผวนต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ รายงานจํานวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ Market Consensus คาด เพิ่มแรง กดดันจากการคาดหมายว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด การซื้อขายจะเป็นไปอย่าง ระมัดระวัง เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม แม้เราจะประเมินว่าการประชุม FOMC รอบ 21-22 ก.ย. เฟดจะมีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการทํา QE Tapering และจะส่งสัญญาณ์การทํา QE Tapering โดยจะมีการระบุขนาด และช่วงเวลา ในการประชุมรอบเดือน พ.ย. (2-3 พ.ย.) โดยเราคาดว่าเฟดจะ เริ่มทําการลด QE เดือน ธ.ค. กลยุทธ์การลงทุน เรายังเน้น Selective buy ในกลุ่มที่มีปัจจัยบวก เฉพาะตัว โดยเรายังแนะนําเก็งกําไรหุ้นในกลุ่ม Re-Opening ซึ่งยังสามารถ Let Profit Rup ขณะที่ กลุ่ม Oil Play เราแนะนํา Take Profit เพื่อลดความผันผวน หลังการปรับเพิ่มของราคาน้ํามันดิบ เริ่มมีกรอบที่จํากัด ขณะที่นักลงทุนระยะกลางเรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Earnings play ตามพอร์ต Core Investment ราคาน้ํามันดิบทรงตัว ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง แต่มีแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น ระยะสั้นแนะนํา Take Profit หุ้นในกลุ่ม Oil play ที่เราแนะนําก่อนหน้านี้ - สัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิด 7361 เหรียญต่อบาร์เรล ไม่เปลี่ยนแปลง สะท้อนรายงานของบริษัทน้ํามันหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโก ที่เริ่มกลับมา ผลิตในระดับปกติ หลังได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอด้า และพายุเฮอริเคนนิโคลัส อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนจากสํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่าปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ ลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (คาดลดลง 3.5 ล้าน บาร์เรล) ขณะที่ก่อนหน้านี้ รายงานของ OPEC ยังเชื่อว่าภาพรวม Demand น้ํามันในช่วงที่เหลือของปี 2564 ยังคงสูงกว่าอุปทานในตลาด PTT (BK:PTT) ประกาศจ่าย Interim Dividend, สูงกว่าคาด - PTT ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 1.2 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 29 ก.ย. และจ่ายปันผลวันที่ 15 ต.ค.) Company Update: APURE (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท) คาดผลประกอบการปี 64-65 เติบโต - สถานการณ์โควิด-19 กดดันการฟื้นตัวของผลประกอบการ 2H64 แต่ยังเชื่อว่าจะเติบโต HoH เรายังคง กําไรสุทธิปี 64 ไว้เท่าเดิม คาดเติบโต 39%YoY โดยกําไรสุทธิ 6M64 คิดเป็น 35% ของประมาณการปี 64 คาดปี 65 เติบโตจากการขยายกําลังการผลิต รองรับออเดอร์จาก Walmart และการเข้าทําตลาดยุโรป รวมถึงสินค้า House Brand เราปรับกําไรสุทธิปี 65 เพิ่มขึ้น 9.4% มาอยู่ที่ 557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31%YoY แผนการลงทุนน่าสนใจ โดยบริษัทมีแผนขยายสินค้าใหม่อย่าง ข้าวโพดแช่แข็ง และมีแนวโน้มร่วมลงทุนกับ บริษัททํากระป๋องบรรจุอาหาร เราปรับคําแนะนําเป็น “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ในปี 65 ที่ 10.60 บาท
• Company Update: GPSC (ชื่อ.. ราคาเป้าหมาย 98 บาท) Unplanned Outage กระทบราคาหุ้นระยะสั้น
แนะนําเป็นจังหวะที่ดีต่อการเข้าลงทุน - จากกรณี GPSC รายงาน GLOW IPP Phase 5 หยุดเดินเครื่อง นอกแผน จากการพูดคุยกับ GPSC เราแบ่งประเด็นดังกล่าวออกเป็น 2 กรณี (1) บริษัทมีประกันชดเชยทั้ง ส่วนของ Property Damage และ Business Interruption โดยมีเงื่อนไขบริษัทต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย เองบางส่วน (Deductibles 60 วันแรก) และ (2) ผลกระทบต่อปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ํา ค่อนข้าง จํากัด เนื่องจากสามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าและไอน้ําจากหน่วยผลิตไฟฟ้าอื่นทดแทน แต่ด้วยประสิทธิภาพ การผลิตไฟฟ้าจาก GLOW, IPP Phase 5 ที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการผลิตไฟฟ้าจากหน่วยอื่น ทําให้คาดว่าจะ กระทบอัตราการทํากําไรขั้นต้นของบริษัท เบื้องต้นเราประเมินว่าจะกระทบผลประกอบการในกรอบ 200250 ล้านบาท คิดเป็น 2.1% ถึง 2.7% ของประมาณการกําไรสุทธิปี 2564 เรายังคงประมาณการ ผลประกอบการปี 2564 ถึง 2565 ไว้เท่าเดิม โดยเรามองประเด็นดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงลบระยะสัน เท่านั้น การที่ราคาหุ้นปรับลดลง เป็นจังหวะที่ดีต่อการเข้าลงทุน เนื่องจากประเด็นดังกล่าว เรามอง GPSC เป็น Growth Stock รวมทั้งผลประกอบการในช่วง 2H64 ถึงปี 2565 ยังได้ประโยชน์จากการเข้าลงทุนใน Avaada Energy และโรงไฟฟ้าพลังลมนอกชายฝั่งในใต้หวัน มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,640 จุด หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค - M SYNTEC และ NOBLE ติดตามรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สําคัญ วันนี้ - รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีราคา ผู้บริโภค (CPI) เดือน ส.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 3.0%YoY และ 0.4% MoM) และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ส.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 1.6%YoY และ 0.39%MoM) / รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของอังกฤษ ได้แก่ ดัชนียอดค้าปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) เดือน ส.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 5.7%YoY และ 0.8%MoM) และ ดัชนียอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ส.ค. (คาดเพิ่มขึ้น 6.0%YoY และ 0.56MoM) / รายงาน เศรษฐกิจที่สําคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment) เดือน ก.ย. (คาดอยู่ที่ 70.2 จุด) และความคาดหวังของผู้บริโภครัฐมิชิแกน (Michigan Consumer Expectations) เดือน ก.ย.
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities