ถือเป็นธรรมเนียมสำหรับโลกการลงทุนที่สัปดาห์แรกของเดือนใหม่จะเป็นสัปดาห์ที่ยุ่งเหยิงมากที่สุด เพราะจะมีการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญมากมายเช่นตัวเลขในภาคการผลิต การประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และสหราชอาณาจักร (BoE) แต่ที่สำคัญที่สุดคือการรายงานตัวเลขในภาคแรงงานในหลายๆ ประเทศเช่นสหรัฐฯ แคนาดา นิวซีแลนด์ เป็นต้น
ลักษณะเฉพาะของเดือนสิงหาคมอีกประการหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติอาจจะไม่ทราบคือนี่คือเดือนของการพักร้อนสำหรับชาวอเมริกัน ดังนั้นปริมาณการซื้อขายในตลาดลงทุนตลอดทั้งเดือนนี้อาจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเราได้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับดาวโจนส์ไปแล้วเมื่อคืนนี้ ในช่วงแรกที่ตลาดซื้อขายของอเมริกาเปิดทำการ ดัชนีดาวโจนส์ได้วิ่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ แต่ก่อนที่จะจบวัน ดาวโจนส์กลับปรับตัวลดลง คืนขาขึ้นที่ทำมาทั้งหมดไป สาเหตุที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาจากดัชนี PMI ภาคการผลิตโดย ISM หดตัวลดลงจาก 60.6 จุดเป็น 59.5 จุด
ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะปรับตัวขึ้น แต่ปัญหาวัสดุก่อสร้างขาดแคลน ได้ส่งผลกระทบไปยังกิจกรรมในภาคการบริการด้วย ภาพรวมในตอนนี้ตัวเลขโดยรวมยังดีอยู่ แต่เพราะปัญหาซัพพลายเชน และอัตราการว่างงานที่ยังไม่สามารถกดลงมาให้ต่ำกว่า 5% ได้ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เมื่อวานนี้มีช่วงหนึ่งที่อัตราผลตอบแทนฯ 10 ปีได้ปรับตัวลดลงไปถึง 5% ก่อนจะดีดกลับขึ้นมา
การประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในวันนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดของวัน แม้ว่าดอลลาร์ออสเตรเลียจะแข็งค่าได้มากที่สุดเมื่อวานนี้ แต่ธนาคารพาณิชย์ของออสเตรเลียกำลังเรียกร้องให้ธนาคารกลางเลื่อนแผนการลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากเดือนกันยายนออกไปก่อน ตอนแรก RBA ได้กำหนดแผนลดวงเงินออกมาตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม ซึ่งตอนนั้นกรุงเมลเบิร์นพึ่งออกมาจากล็อกดาวน์ และซิดนีย์พึ่งเข้าสู่มินิล็อกดาวน์ แม้จะมีคนมากกว่า 12 ล้านคนถูกล็อกดาวน์ แต่ก็คาดว่าจะใช้ระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
แต่สถานการณ์ล่าสุดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน การระบาดแพร่กระจายมากขึ้น เมืองซิดนีย์และบริซเบนต้องยืดระยะเวลาล็อกดาวน์ออกไป จนตอนนี้ซิดนีย์ต้องตกอยู่ภายใต้สภาวะล็อกดาวน์เป็นสัปดาห์ที่หกแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจออสเตรเลียเป็นอย่างมาก และมีโอกาสที่ไตรมาสที่สามอาจเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจออสเตรเลียหดตัว
ในตอนนี้ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็พอจะเข้าใจได้ถ้าหาก RBA จะตัดสินใจยืดระยะเวลาการลดสภาพคล่องออกไปก่อน แต่คำถามก็คือ RBA จะเลื่อนระยะเวลาออกไปเป็นเดือนตุลาคม/พฤศจิกายน หรือจะปล่อยทิ้งไว้ ไม่ดำเนินนโยบายการเงินใดๆ ทั้งสิ้น? สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับดอลลาร์ออสเตรเลียคือ RBA ตัดสินใจยกเลิกแผนลดวงเงินเพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาลออก พร้อมทั้งไม่กำหนดระยะเวลาว่าจะกลับมาลดวงเงินอีกครั้งเมื่อไหร่
หากกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น เราจะได้เห็นกราฟ AUD/USD ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดใหม่ในรอบแปดเดือน แต่ถ้า RBA ตัดสินใจเลื่อนเวลาลดวงเงินฯ ออกไปอีกเดือนหรือสองเดือน กราฟ AUD/USD ก็อาจจะลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่อยู่ดี แต่ลักษณะการลงจะไม่รุนแรงเท่ากับการดึงนโยบายออกแบบไม่มีกำหนด แต่ถ้า RBA ยังยืนกรานไม่เลื่อนเวลาลดวงเงินฯ ออกไป และไม่สนใจความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์ กราฟ AUD/USD จะปรับตัวขึ้น และมีโอกาสขึ้นไปถึง 75 เซนต์
ยิ่งใกล้จะถึงสิ้นปีมากเท่าไหร่ ทิศทางการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางแต่ละแห่งจะยิ่งส่งผลกับสกุลเงินของประเทศนั้นๆ อย่างมีนัยสำคัญ การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลียและอังกฤษในสัปดาห์นี้จะทำให้เราได้่เห็นภาพที่แตกต่างในการรับมือกับโควิดของทั้งสองประเทศอย่างชัดเจน ในเดือนกรกฎาคมเดียวกัน พื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียถูกล็อกดาวน์ ในขณะที่สหราชอาณาจักรพึ่งยกเลิกมาตรการคุมเข้มทางสังคมไปเมื่อเดือนที่แล้ว ยิ่งนโยบายของธนาคารกลางทั้งสองแตกต่างกันมากเท่าไหร่ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวสกุลเงินจะยิ่งมีความหมายมากขึ้น