ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเศรษฐกิจอเมริกาที่ตอนนี้ยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องส่วนหนึ่งเป็นเพราะความเชื่อมั่นที่มีต่อการท่องเที่ยวและการคมนาคมมากขึ้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่าอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินจะอยู่ในระดับที่ไม่สมดุลกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เกิดมาจากทรัพยากรน้ำมันที่หายไปตลอดระยะเวลา 17 เดือนที่ผ่านมา
ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่นักลงทุนในตลาดน้ำมันดิบจำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนว่าตอนนี้เรายังมีน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉพาะสำหรับเครื่องบินเพียงพอที่จะรองรับความต้องการท่องเที่ยวหรือเดินทางไปยังที่ต่างๆ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้คืออะไร?
ปัญหาแรกก็คือมีปัญหาการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินเกิดขึ้นจริงในบางพื้นที่ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่มีน้ำมันแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ 20% ของแหล่งเก็บน้ำมันเหล่านั้นไม่มีคนทำงาน การระบาดของโควิดจนทำให้เกิดการล็อกดาวน์นั้นได้ส่งผลกระทบให้หลายคนต้องหลุดออกจากงาน และบางคนก็ยังไม่สามารถหรือไม่กลับมาทำงานเดิมต่อได้ ยิ่งความต้องการแรงงานที่กลับมาในช่วงระยะหลังยิ่งเปิดโอกาสให้คนได้มีสิทธิ์เลือกงานใหม่ที่อาจจะมีความท้าทายมากกว่า
ปัญหาอย่างที่สองเกิดขึ้นกับท่อส่งน้ำมัน การระบาดที่เกิดขึ้นทำให้ท่อส่งน้ำมันในบางพื้นที่ยังไม่สามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ ยิ่งความต้องการน้ำมันในไตรมาส 3 สามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทำให้บางบริษัทที่เป็นเจ้าของท่อส่งน้ำมันยังไม่ทันตั้งตัวกับการเปิดให้ระบบกลับมาทำงานได้ตามเดิม ที่สำคัญไม่ใช่ทุกสนามบินที่มีท่อส่งน้ำมันที่สามารถส่งเข้าสนามบินได้โดยตรง จึงเท่ากับว่าน้ำมันสำหรับเครื่องบินนั้นยังไม่สามารถใช้ได้ในทุกๆ สนามบิน
ยกตัวอย่างเช่นสนามบินนานาชาติริโน-ทาโฮในรัฐเนวาดาที่ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน แม้จะมีคำขอให้กลับมาเปิดท่อส่งน้ำมันของคินเดอร์ มอร์แกน (KMI) ตามเดิม แต่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานก็ได้ออกมาให้เหตุผลว่ายังไม่สามารถเปิดท่อส่งน้ำมันที่ต่อตรงไปยังซาน ฟรานซิสโกที่มีแหล่งน้ำมันอยู่เป็นจำนวนมากได้
การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ที่สำคัญก็คือนับวันการท่องเที่ยวแบบนี้ก็ยิ่งได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกามากขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ผู้คนนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวทางฝั่งตะวันตกเพราะต้องการพักร้อน และหลบหนีจากสภาวะที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยแทบจะตลอด แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การเดินทางท่อนเที่ยวในปีนี้ทำให้สายการบินในสหรัฐฯ กลับมามีงานทำ เที่ยวบินไปมอนทานาเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนระบาด ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเที่ยวบินจากสนามบินนานาชาติโบซแมน เยลโล่วสโตนต้องล่าช้าออกไปเพราะปัญหาเกี่ยวกับการส่งน้ำมันมายังเครื่องบิน
สรุปก็คือในตอนนี้เราอาจจะเห็นข่าวน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินขาดแคลน แต่นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับบางพื้นที่เท่านั้นเพราะมีความต้องการเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามบินที่อยู่ในฝั่งตะวันตกของประเทศเนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับท่อส่งน้ำมัน ในขณะเดียวกันราคาตั๋วเครื่องบินก็ยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ ตามความมั่นใจของผู้คนที่ใกล้จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ราคาตั๋วแพงขึ้นไม่ใช่เฉพาะเรื่องน้ำมันเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะบางสายการบินยังไม่สามารถนำเครื่องบินกลับมาบินได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเชื่อได้เลยว่าบริษัทสายการบินในตอนนี้ยังไม่กล้าที่จะนำเครื่องบินทั้งหมดที่มีออกมาใช้จนกว่าจะเห็นความเชื่อมั่นกับการเดินทางด้วยเครื่องบินกลับมาเป็นเหมือนเดิม
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้กำลังบอกอะไรกับนักลงทุนในตลาดน้ำมัน? คำตอบคืออย่าพึ่งหลงเชื่อกับข่าวที่ออกมาประโคมว่าน้ำมันสำหรับเครื่องบินกำลังขาดแคลน เพราะที่จริงแล้วน้ำมันสำหรับเครื่องบินเป็นเพียงส่วนหนึ่งของตลาดน้ำมันเท่านั้น ไม่ได้กินสัดส่วน 100% ของการใช้งานน้ำมันในตลาดทั้งหมด เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สมดุลตามธรรมชาติของกลไกตลาดเอง