รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ไตรมาส 2 ปี 2021 คือสวรรค์สำหรับนักลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์

เผยแพร่ 09/07/2564 16:56
อัพเดท 09/07/2566 17:31

ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มแสดงท่าทีที่ต้องการลดความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อลง แต่กว่าที่การประกาศนี้จะมาถึง ก็ต้องรอจนกระทั่งถึงช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ซึ่งถือเป็นช่วงที่เวลาที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุนสายสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาไม้แปรรูปสามารถขึ้นไปยืนเหนือ $1,700 ต่อหนึ่งพันลูกบาศก์ฟุต ทองแดงขึ้นไปจนเกือบแตะ $4.90 ต่อปอนด์ และพาลาเดียมก็สามารถขึ้นไปยืนเหนือ $3,000 ต่อออนซ์ได้ จึงไม่แปลกใจหากนับเฉพาะไตรมาสที่ 2 ปี 2021 เราจะได้เห็นตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น 10.76% และหากนับตลอดทั้งปี 2021 มาจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนจะพบว่าตลาดแห่งนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 20.32%

ถึงแม้ว่าการประกาศร่นระยะเวลาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะทำให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงมาบ้างในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายน แต่โดยรวมแล้วไตรมาสที่ 2 ก็ยังถือเป็นช่วงขาขึ้น และทำผลงานได้ดีกว่าไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ในบทความนี้เราจะพามาดูกันว่าสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละประเภทนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด

น้ำมันยังคงเป้นที่ต้องการของโลกท่ามกลางกระแสพลังงานสะอาด

หากถามว่าในไตรมาสที่ 2 และปี 2021 สินค้าโภคภัณฑ์ตัวไหนเติบโตได้อย่างโดดเด่นที่สุด เชื่อว่าหลายๆ คนคงเห็นตรงกันว่าต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับตลาดน้ำมันดิบ ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ผู้ผลิตน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และเอทานอลรวมกันแล้วสามารถปรับตัวขึ้นในไตรมาสที่ 2 คิดเป็น 25.08% และคิดเป็น 52.60% หากนับตลอดช่วงครึ่งปีแรก 

- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้น 24.19% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 51.42% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 20.15% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 44.98% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 
- ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวขึ้น 14.40% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 58.98% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
- ราคาน้ำมันที่กลั่นแล้วปรับตัวขึ้น 20.26% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 43.42% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
- ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้น 39.95% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 43.76% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

นอกจากตลาดพลังงานแล้ว สินค้าโภคภัณฑ์ในประเภทอื่นๆ ก็สามารถปรับตัวขึ้นได้เป็นอย่างดีในไตรมาสที่ 2 และสามารถปรับตัวขึ้นได้มากกว่าช่วงสิ้นเดือนธันวาคมปี 2020

- ตลาดพลังงานปรับตัวขึ้น 25.08% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 52.60% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
- ตลาดแร่โลหะปรับตัวขึ้น 13.26% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 23.14% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
- ตลาดสินค้าการเกษตรปรับตัวขึ้น 12% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 6.50% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
- ตลาดธัญญาพืชปรับตัวขึ้น 7.71% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 14.82% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
ตลาดโปรตีนจากสัตว์ปรับตัวขึ้น 5.09% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 23.64% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
- ตลาดแร่โลหะมีค่าปรับตัวขึ้น 1.55% ในไตรมาสที่ 2 และปรับตัวขึ้น 1.25% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

สินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่พลังงานที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด

ความต้องการวัสดุตั้งต้นในกระบวนการผลิตและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นทำให้ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry freight index) เพิ่มขึ้น 68.06% ในช่วงไตรมาสที่ 2 หากวัดตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน ดัชนีตัวนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 147.66% นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสที่ 2 เราพบว่าราคาซื้อขายแป้งข้าวสาลีในช่วงฤดูใบไม่ผลิบน MGE ปรับตัวขึ้น 42.24%Spring Wheat Daily

ที่มา: Barchart

กราฟในรูปแสดงให้เห็นช่วงเวลาขาขึ้นของราคาแป้งข้าวสาลีซึ่งสอดคล้องกับภัยแล้งที่เกิดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในตอนนั้นราคาซื้อขายแป้งข้าวสาลีในช่วงฤดูใบไม่ผลิสามารถขึ้นยืนเหนือ $8 ต่อบุชเชล ซึ่งไม่เคยปรับตัวขึ้นสูงขนาดนี้นับตั้งแต่ปี 2013Natural Gas Monthly

ที่มา: CQG

ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าในไตรมาสที่ 2 ปรับตัวขึ้น 29.95% และตลอดทั้งปี 2021 นับมาจนถึง 30 มิถุนายนคิดเป็นขาขึ้น 43.76% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 ก๊าซธรรมชาติสามารถปรับตัวขึ้นไปถึงจุดสูงสุด $3.814 นับเป็นจุดที่สูงที่สุดที่เคยทำได้ตั้งแต่ธันวาคมปี 2018 ระดับแนวต้านถัดไปที่รอก๊าซธรรมชาติอยู่คือ $4.929 ต่อ MMBtu ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 Ethanol Monthly

ที่มา: CQG

รองลงมาจากก๊าซธรรมชาติ เอทานอลถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในไตรมาสที่ 2 ด้วยตัวเลข 31.56% และ 73.06% หากวัดตั้งแต่ต้นปีจนถึง 30 มิถุนายน ขาขึ้นครั้งนี้ได้อานิสงส์จากนโยบายรักษ์โลกของประธานาธิบดีโจ ไบเดนและทำจุดสูงสุดของเอทานอลล่วงหน้านับตั้งแต่ปี 2014

นอกจากสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งสามตัวที่ได้กล่าวถึงไป สินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ ก็สามารถปรับตัวขึ้นเกินระดับตัวเลขสองหลักได้ทั้งหมดเช่นแร่เหล็ก กาแฟ ข้าวโพด {959209|กระป๋อง}} น้ำมันดิบ น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันถ่ายเทความร้อน น้ำตาล ตะกั่ว นิกเกิล อะลูมิเนียม และข้าวสาลี

สินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ใช่พลังงานที่ปรับตัวขึ้นน้อยที่สุด

ไม้แปรรูปสามารถปรับตัวขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่เหนือ $1,700 ต่อหนึ่งพันบอร์ดฟุตก่อนจะร่วงกลับลงมา Lumber Monthly

ที่มา: CQG

กราฟรายเดือนรูปนี้แสดงให้เห็นกราฟไม้แปรรูปที่ลงมาจาก $1,700 จนเหลือเพียง $800 ก่อนปิดไตรมาสที่ 2 ซึ่งกราฟไม้แปรรูปไม่เคยปรับตัวขึ้นมาสูงเกินกว่า $493.50 ได้เลยตั้งแต่ปี 2017 หากนับเฉพาะไตรมาสที่ 2 ไม้แปรรูปปรับตัวขึ้นมาได้ทั้งหมด 29.05% Rhodium Monthly

ที่มา: Kitco

โรเดียมเคยขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลในไตรมาสที่ 2 เอาไว้ที่ $28,800 ต่อออนซ์ ก่อนที่จะปรับตัวลงมาวิ่งต่ำกว่า $20,000 ก่อนปิดไตรมาสในวันที่ 30 มิถุนายน คิดเป็นขาขึ้นตลอดทั้งไตรมาส 23.20% Soybean Monthly

ที่มา: CQG

สุดท้ายคือราคาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วเหลืองปรับตัวลดลงตลอดทั้งไตรมาสที่ 2 คิดเป็น 11.27% และยังถือว่าต่ำกว่าราคาปิดในช่วงปลายปี 2020 คิดเป็น 12.55% นอกจากถั่วเหลืองแล้ว แพลตินัมและข้าวดิบก็ไม่สามารถทำผลงานได้ดีในไตรมาสที่ 2 ด้วยเช่นกัน

ขาขึ้นในไตรมาส 2 จะยืนยาวไปตลอดทั้งไตรมาส 3 เลยหรือไม่

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นมาตลอดทั้งไตรมาสที่ 2 คือผลกระทบที่เกิดจากการลดอัตราดอกเบี้ยลงจนอยู่ในระดับต่ำ เงินที่อัดเข้ามาอย่างมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และโรคระบาดโควิด-19

แต่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนกำลังจะทำให้เรื่องราวทุกอย่างเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเฟดได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่ที่แจ็กสัน โฮล ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม หากเฟดยืนยันที่จะเริ่มตึงนโยบายการเงินแล้ว เราก็อาจจะได้เห็นขาขึ้นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัวลง 

นอกจากนี้ปัจจัยภายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เองก็จะมีส่วนทำให้เทรนด์ขาขึ้นนี้ลดความร้อนแรงลง เช่นต้นทุนการผลิตที่สูงเกินไป สินค้าคงคลังที่กักตุนเอาไว้มากขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มหาสินค้าทางเลือกมาทดแทนสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีในปัจจุบัน 

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย