SET: คาด Volume การซื้อขายยังคงเบาบางต่อไป จากการที่นักลงทุนยังคงอยู่ ในโหมด Wait & See เพื่อรอดูผลการประชุม FOMC ที่จะออกมาคืนนี้ ซึ่งเรายังคง มีมุมมองต่อเนื่องจากเมื่อวานว่า หากดูจาก Indicator ต่างๆในตลาด ณ ขณะนี้จะ พบว่านักลงทุนไม่ได้เตรียมการต่อ Hawkish surprise ในการประชุมครั้งนี้มากนัก สะท้อนผ่าน VIX Index และ Bond yield ที่อยู่ค่อนข้างต่า ดังนั้น ถึงแม่โทน โดยรวมจากการประชุมจะออกมาในเชิง Dovish จริง ก็ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่นัก ลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์อยู่แล้ว กลับกัน หากมี Surprise ในโทน Hawkish ออกมา คาดราคาสินทรัพย์ต่างๆจะมีการ Price in ความกังวลจนอาจก่อให้เกิด ความผันผวนในระดับสูงได้ Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ เรายังคงไม่แนะน่าให้นักลงทุนเพิ่มน่าหนักการ ลงทุนใหม่ จนกว่าดัชนีจะปรับลงไปมีระดับ Risk/reward ที่น่าสนใจอีก ครั้ง เช่นค่ากว่าระดับ 1600 จุดซึ่งเป็นระดับยุติธรรมของ SET จากการศานวณ ของเรา ในสภาวะเช่นนี้ คาดหุ้นที่ปลอดภัยจะมีลักษณะเป็นหุ้นที่มีค่า Alpha สูง และ Beta ต่ํา ซึ่งจากการคัดกรองของเราไปยังดัชนี SET100 จะพบว่ายังได้แก่ กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าเป็นสาคัญ ซึ่งเป็นหนึ่งในธีมการลงทุนแนะนําของเรา ประจําเดือนนี้ อาทิ BGRIM, GPSC, ACE, SSP, TPCH FOMC: เรา Preview การประชุม Fed ที่จะทราบผลในช่วงดึกคืนวันนี้ ดังต่อไปนี้
1) คาดการณ์ Fed มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00-0.25% ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่Surprise ตลาดแต่อย่างใด
2) คาดการณ์ใน Statement ที่ออกมาจะยังไม่มีการพูดถึงกระบวนการลดระดับการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE Tapering) ซึ่ง ณ ขณะนี้กาหนดอยู่ที่ เดือนละ 1.2 แสนล้านดอลลาร์โดยประมาณ ในทางกลับกัน หากมีการส่ง สัญญาณ Tapering ดังกล่าวออกมาใน Statement ครั้งนี้เลย จะถือเป็น Negative surprise
3) คาด Statement โดยรวมที่ออกมาจะเอนเอียงไปโทน Dovish เช่นเดิม แต่จะ DoVish น้อยลงจากการประชุมครั้งก่อนในเดือนเม.ย. หลังภาวะเศรษฐกิจ ต่างๆโดยรวมของสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น ตามนโยบายการเปิดเมืองและมาตรการการคลังต่างๆที่ออกมาก่อนหน้านี้
4) คาดการณ์การแถลงข่าวหลังการประชุมของนาย Jerome Powell ประธาน Fed จะพยายามระมัดระวังคําพูดใดๆที่อาจเป็นการส่งสัญญาณต่อการท่า Tapering ในช่วงถัดไป และคาดว่า Fed และนาย Powell จะใช้ตัวเลขการจ้าง งานที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ํากว่าคาดในช่วงหลัง ในการเป็นเหตุผลสําาคัญที่ท่าให้ Fed ยังจําเป็นต้องดํารงการผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป
5) คาด Fed จะมีการปรับประมาณการ GDP และ Inflation ขึ้นจากครั้งก่อน
โดยเฉพาะในส่วนของตัวเลขเงินเฟ้อปีนี้ แต่ Fed ก็จะเน้นอยศว่าด้วเลขที่ สูงขึ้นนั้นเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว 6) คาดจะมี กรรมการ FOMC บางท่านที่มีการปรับเปลี่ยนมุมมองดอกเบี้ย Fed Funds ในช่วงปี 2022 และ 2023 ไปในทิศทางเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทําให้ค่า กลางของ Dot plots ในรอบนี้มีการขยับสูงขึ้นได้จากระดับปัจจุบันที่ 0.00-0.25% โดยเฉพาะของปี 2023อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวถือ ว่าอยู่ในคาดการณ์ของตลาดแล้วเหมือนกัน หากดูจาก Fed Funds futures ช่วงปี 2023 ที่ทยอยปรับขึ้นมาแล้วส่วนหนึ่ง (ดูรูป) ) คิดตามการตอบคําถามของนาย Powell หลังการประชุมว่า Fed มีแนวคิดที่จะจัดการกับปัญหาสภาพคล่องส่วนเกินในช่วงนี้อย่างไร ภายหลังการทําธุรกรรม Reverse repo ยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
So when?: หากการส่งสัญญาณ Tapering ไม่เกิดขึ้นในครั้งนี้ตามที่เราประเมินไว้ คาดว่า Timing ที่เหมาะสมในช่วงถัดไปนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคม-เดือน กันยายนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในไตรมาส 3 ยังคงออกมาขยายตัว สูงอยู่ เนื่องจากจะไม่ใช่ผลของ Base effect เหมือนกับช่วงไตรมาส 2 แล้ว ทั้งนี้ ในเดือน สิงหาคมจะมีการประชุมกลุ่มผู้นําธนาคารกลางทั่วโลกที่เมือง Jackson Hole ในวันที่ 26-28 ส.ค. และในเดือนกันยายน Fed จะมีการประชุมรอบใหญ่ในวันที่ 21-22 ก.ย. ซึ่งเราประเมิน ว่าการส่งสัญญาณจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ส่วนวันเวลาในการเริ่มโครงการ Tapering นั้น เรายังคงคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2022 เป็นต้นไป Implication: คาดผลตอบรับของตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นต่อการประชุม FOMC ครั้งนี้อาจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยนักลงทุนอาจมีความผ่อนคลายมากขึ้นหากยังไม่มีการส่ง สัญญาณ QE Tapering ออกมาจริง อย่างไรก็ตาม มองเป็นเรื่องยากที่การปรับตัวขึ้น ของดัชนีหุ้นต่อจากนี้จะเป็นในลักษณะยั่งยืน และน่าจะเป็นไปในลักษณะ Overhang ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจาก Action ของ Fed เป็นเพียงเหมือนการซื้อเวลา เท่านั้น เรายังคงระดับแนวต้านของ SET ในระยะสั้นไว้เพียง 1650 จุด
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities