รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

คาด SET มีโอกาสพักตัวก่อนประชุม FOMC

เผยแพร่ 14/06/2564 09:57

• ภาพรวมการลงทุนวันนี้ - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (14-18 มิ.ย.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,595-1,650 จุด สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นกว่า 25 จุด (+1.55%) เป็นการปรับเพิ่มขึ้น 4 สัปดาห์ ติดต่อกัน รวมกว่า 5.5% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดําเนินการฉีดวัคซีนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศ เศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างจีนและสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะมี Herd Immunity ภายใน 3 เดือนข้างหน้า รวมไปถึงความคืบหน้าของไทยที่มีการฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (ข้อมูลการดําเนินการ ฉีดวัคซีนในประเทศ ระหว่างวันที่ 7-10 มิ.ย. มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.6 แสนโดสต่อวัน) เราเชื่อว่าปัจจัยบวก ดังกล่าวสะท้อนไปใน SET ในช่วงที่ผ่านมา ทําให้เราคาดว่าในช่วงต้นสัปดาห์มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะ พักตัว เพื่อรอผลการประชุมของเฟด หากไม่มีสัญญาณเชิงลบ เราเชื่อว่าตลาดจะกลับมามีแรงซื้ออีกครั้ง ในช่วงปลายสัปดาห์ กลยุทธ์การลงทุน เรายังคงแนะนําลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว แต่ราคาหุ้น ยังคง Laggard อย่างเช่น BAM BEM และ BDMS รวมทั้งหุ้นที่เราแนะนําในพอร์ต Core Investment ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวันปิดทําการเนื่องในวันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง ติดตามการประชุม FOMC และ BOJ เรามองเป็นบวก เชื่อว่าเฟดจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน

- สัปดาห์นี้จะมีการประชุมธนาคารกลาง 2 แห่งสําคัญได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (15-16 มิ.ย.) และการประชุม BOI (17-18 มิ.ย.) ประเด็นสําคัญอยู่ที่การตัดสินใจ กําหนดทิศทางการดําเนินนโยบายการเงิน โดยเฉพาะมุมมองต่อประมาณการเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของ คณะกรรมการ FOMC ของเฟด โดยในมุมมองของเรา เราเชื่อว่าเฟดจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย การเงิน แม้รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน พ.ค. ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสูงกว่าที่ Market Consensus คาด โดยเราคาดว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และจะยังคงซื้อพันธบัตรตาม มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญต่อเดือน ซึ่งจะกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อ ภาพรวมการลงทุน ปัจจัยด้านเงินเฟ้อ ยังเป็นตัวเร่งเวลาการทํา Tapering ในระยะใกล้ - ผลสํารวจจากทาง Bloomberg ในกลุ่ม นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ระบุว่ามีมุมมองที่เปลี่ยนไป ทั้ง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาการใช้จ่าย เพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) โดยมีการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ในทุกไตรมาสจนถึง 2Q65 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย CPI คาดการณ์ว่าจะยังคงสูงกว่า 3% จนถึง มี.ค. 65 โดยจะสูงสุดที่ 4.3% ใน 2Q64 ขณะที่ดัชนี PCE Price Index คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.5% (เดิมคาด 3%) และสูงกว่าเป้าหมาย 29% ของ เฟด แม้ส่วนหนึ่งจะเป็นผลมาจากราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม แต่หากพิจารณาเฉพาะ Core Inflation (ไม่รวม ราคาอาหารและพลังงาน) ก็ได้ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน

การเจรจาการค้าสหรัฐฯ กับจีนคืบหน้า - การเจรจาการค้าระหว่าง รองนายกรัฐมนตรีจากจีน รัฐมนตรีคลัง สหรัฐฯ และผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) เป็นการหารือระดับสูง ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น สัญญาณที่ดี ทําให้ความกังวลต่อปัญหาการค้าระหว่าง 2 ประเทศลดลง อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตาม เนื่องจากความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังไม่ใกล้เคียงระดับปกติ ขณะที่ดุลการค้า ของทั้ง 2 ประเทศ ยังคงเป็นจีนที่ได้เปรียบ โดยดุลการค้าของจีนประจําเดือน พ.ค. (รายงาน 7 มิ.ย.) จีนยังคง เกินดุลการค้าสหรัฐฯ อยู่ที่ 31,780 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 28,110 ล้านเหรียญ ในเดือน เม.ย. แม้ว่าจีนจะ นําเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 40.3% แต่ก็ส่งออกเพิ่มขึ้น 20.6% เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามเราประเมินว่า สหรัฐฯ กําลังดําเนินนโยบายที่จะมีการแข่งขันกับจีนที่เพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับการที่รัฐบาลไบเดนประกาศ เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่มีคําสั่งห้ามการลงทุนของบริษัทอเมริกันในบริษัทจีนจํานวนหนึ่ง ซึ่งดําเนินมาตั้งแต่ยุค “สงครามการค้า” ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ยังไม่มีสัญญาณในการทบทวนอัตราภาษีศุลกากรในเชิงบวก แต่ยังมีประเด็นทางการเมืองที่เกี่ยวกัน • รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ผลสํารวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 86.4 จุด (คาด 84.0 จุด) และเพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค. ที่ระดับ 82.9 จุด โดยได้แรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ และมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกับ

แนวโน้มเศรษฐกิจและการจ้างงาน • ติดตามรายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญวันนี้ - รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของยุโรป ได้แก่ ดัชนีการ

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือน เม.ย. (คาดเพิ่มขึ้น 0.3% MoM และเพิ่มขึ้น 37.4%YoY) บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ – Key Takeaways: FSMART มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,645 จุด หุ้นแนะนําทาง เทคนิควันนี้ได้แก่ KKP GCAP PAF CK และ MDX

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

สุดยอดครับ
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย