"นักลงทุนสมัยนี้ ไม่มีใครอยากฟัง Warren Buffett แล้ว" Chamath Palihapitiya กล่าว
Chamath ฮีโร่นักลงทุนรายย่อยที่ยืนอยู่ข้างกลุ่มแมงเม่าบนศึก GameStop กล่าวว่าเขาจะรับไม้ต่อจาก Buffett ในฐานะนักลงทุนอันดับที่ 1 ของโลกเอง
Chamath Palihapitiya นักลงทุนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ทางเพจได้พูดถึงบ่อยๆ
1️. เขาคือบุคคลที่ได้ไปออกรายการสด CNBC และแฉเหล่านายทุน Wall Street กลางรายการถึง ๒ความลับที่พวกเขาพยายามโกงนักลงทุนรายย่อยมาโดยตลอด ! เขาได้แฉทาง Wall Street แบบหมดไส้หมดพุงจนสุดท้ายทาง CNBC ต้องโดนสั่งให้ลบคลิปของเขาออกจาก YouTube และตั้งแต่วันนั้นมาก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาค่อยๆโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ
2️. ใครที่อยาก ทันโลก ก็ต้องติดตาม Chamath จริงๆ เดี๋ยวทางเพจจะลิ้งค์บทความก่อนๆที่เขียนถึงประวัติและผลงานการลงทุนของ Chamath ที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าทาง Buffett เลยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แอดจะแนบไว้ให้ในคอมเม้นท์นะครับ ขอแนะนำให้ทุกท่านลองอ่านกันได้เลย
3️. เมื่อวานนี้ทาง Chamath ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการ Bloomberg แบบเต็มๆ 40 นาที และเขาก็ได้เปิดใจในหลายๆประเด็นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ GameStop, มุมมองในเรื่องกฎการ Short Sell, อนาคตของหุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA), มุมมองการลงทุนของเขา และแน่นอนว่ารวมไปถึงมุมมองที่เขามีต่อ Warren Buffett ด้วย
4️. ในบทความนี้แอดจะมาเล่า Highlight คร่าวๆบางเรื่องที่ Chamath พูดถึงให้ฟังนะครับ ใครอยากอ่านบทความเต็มก็ลองดูลิ้งค์ youtube ที่แอดแนบในคอมเม้นท์ให้ได้เลยครับ ! เพราะอันนี้ยังไม่โดนลบแน่ !
มุมมองที่ Chamath มีต่อปู่ Buffett
5️. "Nobody's going to listen to Buffett." Chamath กล่าว
โอเค... ในจุดนี้ถึงแม้ว่าแอดจะชื่นชมผลงานของ Chamath เป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีความมั่นใจในตัวเองสูงจริงๆ และอาจจะสูงไปไหม ? ถึงกับขั้นกล่าวแบบนี้กับตำนานนักลงทุน VI ขวัญใจชาวไทยหลายคน เชื่อว่าคำนี้คงทำให้สาวกปู่หลายๆคนไม่พอใจแน่ๆ เพราะแอดก็ถึงกับอึ้ง
แต่ Chamath เองก็ไม่ได้แค่พูดโม้โอ้อวดเล่นๆ เพราะหากนับผลงานตั้งแต่เขาเริ่มลงทุนมาในช่วง 10-15 ปีนี้ เขามีผลตอบแทนที่สูงกว่า Buffett หลายเท่าจริงๆ เดี๋ยวแอดจะค่อยๆอธิบายให้ฟังเรื่อยๆ (และใครที่ไม่อยากพลาดผลงานของ Chamath ในอนาคตอย่าลืมกด Favourite หรือเปิดกระดิ่งบนเพจเราไว้นะครับ)
6️. Chamath อธิบายต่อว่า “ตอนนี้ปู่บัฟเฟตไม่มีแรงที่จะพูดและอธิบายความคิดของเขาได้เหมือนเมื่อ 30 - 40 ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้นเขามีสิทธิ์ที่เกษียณอย่างสบายใจในฐานะนักลงทุนในตำนานตลอดกาลได้แล้ว แต่เราก็ควรจะต้องมีนักลงทุนรุ่นใหม่เข้ามารับไม้ต่อจากเขา เพื่อที่จะได้คอยสอนนักลงทุนรุ่นใหม่ให้เรียนรู้และเข้าใจตลาดในยุคใหม่ต่อไป"
และทาง Chamath เชื่อว่าคนที่จะมาแทนที่ต่อจาก Buffett ก็คือตัวเขานั้นเอง
7️. นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Chamath กล่าวถึง Warren Buffett
Chamath เคยบอกอยู่เสมอว่าตัวเขาเองนั้นเรียนรู้หลักการลงทุนจาก Warren Buffett มาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เขามองว่าตัวเองนั้นเป็น Decipher หรือว่าเป็นเด็กลูกหม้อที่ถอดรหัสมาจาก Buffett และเขามีความเคารพในตัวของปู่มากๆ
แต่เขาบอกว่า ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นในสมัยยุครุ่งเรื่องของปู่ Buffett กับในสมัยนี้นั้นมันต่างกันมากเหลือเกิน ตัวเขาเองได้พยายามพัฒนาและเรียนรู้ถึงเกมส์ในสมัยนี้ไปมากกว่า Buffett แล้ว
8️. Chamath ยกตัวอย่างความหมายของคำว่า Value Investing (VI) หรือ การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ว่าความหมายของคำนี้ในสมัยนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว
คำว่า VI ในความหมายของปู่ Buffett คือการหุ้นดีที่ราคาถูก "การพยายามหาก้นบุหรี่ที่มีคนมาทิ้งไว้ แล้วนำมาเก็บแทนเอง" คือคำสอนอันโด่งดังของปู่
แต่ Chamath บอกว่าในสมัยนี้มันยากแล้วที่จะหาของดีราคาถูกและคงไม่มีก้นบุหรี่เหลือให้เราเก็บมากนัก เพราะว่าผู้เล่นในสมัยนี้ฉลาดและเร็วกว่าแต่ก่อนเยอะ แต่สิ่งที่ยังพอหาได้ในตลาดที่เขามองว่าเป็น Value Investing คือการมองหาธุรกิจที่กำลังจะโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจที่ถึงแม้ราคาจะแพงแล้วแต่ก็ยังจะโตไปได้มากกว่าราคานั้นในอนาคต
Chamath ไม่ได้เพียงแค่คุยโม้ในเรื่องนี้ เพราะว่าตัวเขาเองนั้นเป็นนักลงทุนที่ได้หา Value Company เหล่านี้มาได้ไม่น้อย
เจาะผลงานการลงทุนที่ผ่านมา ของ Chamath
9️. การลงทุนครั้งแรกของ Chamath น่าจะเป็นการที่เขายอมลาออกจากงานในบริษัทใหญ่โตที่เขาเป็นผู้บริหารอยู่อย่าง AOL และ Mayfield Fund เพื่อมาเดิมพันกับบริษัทเล็กๆอย่าง Facebook ในสมัยยังคลานอยู่กับ Mark Zukerberg ในปี 2007
Chamath ใช้เวลา 4 ปีกับ Facebook และได้รับหน้าที่เป็นคนพยายามขยาย User ของ Facebook ให้ได้มากที่สุด และแน่นอนว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Facebook นั้นโตกระจาย และ Chamath ก็กลายมาเป็น 1 ใน 5 ผู้บริหารที่ใหญ่ที่สุดของ Facebook
แต่นั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ Chamath เท่านั้นเพราะเขาได้ลาออกและหอบเงินทั้งหมดที่เขาทำได้จาก Facebook ผันตัวมาเป็นนักลงทุนแบบเต็มตัว
10. Chamath ได้ออกมาตั้งบริษัท Social Capital เป็น บริษัทที่มุ่งเน้นในการลงทุนที่จะช่วยทำให้โลกนี้เป็นโลกที่ดีขึ้น
ในกองทุนนี้เขาตั้งใจจะเน้นการลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจ
1) พลังงานสะอาด เพื่อลดโลกร้อน
2) ระบบการศึกษา เพื่อให้ทุกคนสามารถเรียนได้โดยไม่เป็นหนี้
3) ระบบดูแลสุขภาพประชาชน เพื่อให้ทุกคนสามารถรักษาพยาบาลได้ในราคาถูก
11. Chamath ไม่เคยอายที่จะบอกว่า เขาอยากทำเงินให้ได้เยอะๆ เพราะเขาได้พูดถึงเหตุผลที่เขาอยากจะรวยอย่างชัดเจนว่า เขานั้นมีปมในการเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนในศรีลังกา เขาไม่เคยมีสิทธิมีเสียงในการเปลี่ยนแปลงสังคมเลยเพราะเขาไม่เคยมีเงิน แต่เป้าหมายของเขาคือการเปลี่ยนแปลงโลกของเรา เพราะฉะนั้นในความเป็นจริงแล้ว #เขาจึงต้องพยายามหาเงินมาให้ได้มากที่สุดก่อนเพื่อที่เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรบนโลกนี้ได้
การลงทุนส่วนตัวของ Chamath
ก่อนที่เราจะพูดถึงบริษัทที่ Chamath ไปลงทุนผ่าน Social Capital ผมอยากพูดถึงผลงานการลงทุนส่วนตัวของ Chamath ตั้งแต่ออกมาจาก Facebook ก่อน
12. การลงทุนครั้งแรกโดยการเป็นหุ้นส่วนทีมบาส NBA - Golden State Warrior
Chamath ให้เหตุผลว่ายิ่งวันคนเรายิ่งใช้เวลากับมือถือมากขึ้น และเขาเชื่อว่ายิ่งวันคนเราก็จะยิ่งโหยหาเวลากับครอบครัวแบบไม่มีมือถือมาขั้นกลาง และ Chamath ก็เลยเดิมพันว่าเกมส์การแข่งขันบาส NBA นี่แหละ จะเป็นที่ๆหลายๆครอบครัวโหยหาที่จะได้ใช้เวลาร่วมกัน
ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะโชคหรือไม่ แต่ตั้งแต่ Chamath เข้าซื้อทีม Warrior ในปี 2010 แฟนบาสทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นอกจาก Warrior จะ Draft ได้ตัว Splash brother อย่าง Stephen Curry และ Klay Thompson มาแล้ว ยังได้ตัว Kevin Durant มาร่วมทีมอีกด้วย จนคว้าแชมป์ NBA ไปได้แล้ว 3 สมัยตั้งแต่ Chamath เข้ามาร่วมเป็นเจ้าของ
ทำให้ราคาหุ้น Golden State Warrior พุ่งทะลุขึ้นไปหลายเท่าแล้วตั้งแต่ Chamath เข้าซื้อทีม
13. การลงทุนใน Amazon และ Tesla
Chamath เป็นหนึ่งในคนที่มองเทรนด์ของธุรกิจออกอย่างชัดเจนมาก เขาเป็นหนึ่งในคนที่ออกมาบอกอย่างชัดเจนตั้งแต่ตั้นๆว่าเขาเชื่อว่า Amazon และ Tesla จะเป็นหุ้นที่โตมากกว่า x10 หรือ x100 เท่า ในสมัยที่ยังไม่มีใครเชื่อ
แต่มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ และ Chamath ก็ได้ลงทุนไปในหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเยอะมากๆ และเป็นกำไรหลักๆที่ทำให้พอร์ตของเขาโตขึ้นมาเฉลี่ยที่ 10-20% ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
14. การลงทุนใน Bitcoin
เมื่อปี 2013 Chamath ได้เคยออกมาประกาศว่าเขาได้เคยซื้อเหรียญ Bitcoin ไปเป็นเงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐทำให้เขาอาจจะเป็นเจ้าของ Bitcoin มากถึง 5 หมื่นกว่าเหรียญ และเขาบอกว่าเขาจะทยอยเก็บ Bitcoin มากขึ้นเรื่อยๆ
Chamath ไม่ได้เปิดเผยว่าทุกวันนี้เขายังเป็นเจ้าของ Bitcoin อยู่มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆคือเขาออกมาให้มุมมองว่าราคา Bitcoin จะไปถึง 200,000 เหรียญสหรัฐต่อ Bitcoin ในอนาคต หรือแปลว่าราคา Bitcoin จะยังดีดขึ้นได้อีก 4 เท่าจากราคาปัจจุบัน !
15. การลงทุนของ Social Capital
ในส่วนการลงทุนของ Social Capital หรือบริษัทที่เขาตั้งขึ้นมา เพื่อพยายามช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนผ่าน SPAC หรือ Special Purpose Acquisition Company อย่างที่ทางเพจเคยอธิบายไปว่ามันเป็นวิธีระดมทุนที่จะสามารถทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าไปลงทุนในบริษัท Start Up ใหม่ๆได้ โดยการรวมเงินของรายย่อยเข้าเป็นกลุ่มก้อนด้วยกันและ Chamath จะเลือกบริษัทไปเข้าลงทุนให้
โดยปกติแล้วการเข้าซื้อหุ้นบริษัทตั้งแต่ขั้นการเพิ่มทุนแรกๆ จะเป็นการซื้อผ่าน Private Equity (การเข้าซื้อหุ้นหรือลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) ผู้ที่มีสิทธิซื้อก็คือกลุ่มคนรวมและนายทุนที่มีเงินเยอะแยะเท่านั้น เพราะทางบริษัทเองก็ไม่ต้องการที่จะเจรจากับนายทุนหลายๆคน อยากเก็บเรื่องของบริษัทไว้เป็นความลับบ้าง
Chamath จึงใช้ SPAC เข้ามาเป็นตัวกลางในการรวบรวมเงินจากรายย่อย ไม่ว่าจะเพียงคนละพันบาทหรือหมื่นบาทก็มีส่วนร่วมในการลงทุนกับ SPAC นี้ได้
16. SPAC กำลังเป็นที่นิยมของตลาดสหรัฐมากๆ
เพราะมันกำลังสร้างผลตอบแทนอย่างมากมาย ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นการลงทุนที่มีแต่กำไรนะครับ แต่ความเสี่ยงก็ยังมีเยอะเพราะว่าบริษัทที่มาเข้า SPAC นั้นส่วนใหญ่ยังไม่มีรายได้ด้วยซ้ำ แต่การที่นักลงทุนให้ความคาดหวังเยอะก็สามารถดันราคาพวกเขาขึ้นมาได้
ใครสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับ SPAC ทางแอดสัญญาว่าถ้ามีเวลาจะมานั่งเล่าให้ฟังอย่างละเอียดนะครับ กด like กด ติดตาม กดตั้งค่ารายการโปรด ตั้งค่า Favourite บนเพจของเราได้เลยครับ
ลิสท์รายชื่อของบริษัทและ SPAC ที่ Chamath กำลังลงทุนอยู่ในตลาด
วันนี้คงยังไม่มีเวลาลงรายละเอียด แต่ขอแจกโพยทิ้งไว้ให้ทุกท่านเก็บไว้ก่อน นะครับว่ามีบริษัทอะไรบ้าง เพราะทุกบริษัทนั้นกำลังให้ผลตอบแทนสูงทีเดียว หลายๆคนจะได้รีบนำไปศึกษาต่อได้เพราะทุกหุ้นนั้นสามารถซื้อได้จากตลาดตรงๆเลย (ในวงเล็บคือ Ticker รหัสในตลาด)
1) Spartan Acquisition II Corp (SPRQ)
2) Ts Innovation Acquisitions Corp (TSIAU)
3) ArcLight Clean Transition Corp (ACTC)
4) Metromile Inc (MILE)
5) Desktop Metal Inc (DM)
6) Mp Materials Corp (MP)
7) Social Capital Hedosophia Holdings Corp VI (IPOF)
8) Social Capital Hedosophia Holdings Corp V (IPOE)
9) Social Capital Hedosophia Holdings Corp IV (IPOD)
10) Clover Health Investments Corp (CLOV)
11) Opendoor Technologies Inc (OPEN)
12) Virgin Galactic Holdings Inc (SPCE)
มุมมองของแอดในเรื่องของ Chamath vs. Buffett
ส่วนตัวแล้วแอดยังเชื่อหลักการของ Buffett เสมอว่านักลงทุนทุกคนควรจะศึกษาข้อมูลของบริษัทให้ดีก่อนที่จะเข้าลงทุน แต่ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่เกิดไวรัสโควิดระบาดไปทั่วโลกนั้น หลักการลงทุนเดิมๆบางอย่างอาจจะต้องมีการปรับบ้าง
เพราะโลกของเรายังไม่เคยเจอสภาวะที่ว่า
1) มีสภาพคล่องล้นหลายทั่วโลก
2) ฝากเงินที่ไหนก็ไม่ได้ดอกเบี้ยแล้ว
3) เกิดนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่ขึ้นมาทั่วโลก
4) รัฐบาลต่างๆอัดฉีดเงินสดมาช่วยรายย่อยเยียวยาวิกฤตโควิด แต่เงินเหล่านี้กำลังไหลกลับเข้าไปในตลาดอีก
5) นักลงทุนรายย่อยเริ่มเข้าหาข้อมูลทาง Internet ได้ง่ายขึ้นและรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนมากขึ้น
ต้องยอมรับว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในตำราของปู่จริงๆ ทำให้การหาหุ้นราคาถูกนั้นยากจริงๆสำหรับ VI ในสมัยนี้ บริษัทไหนราคาดีและถูก ก็ถูกแชร์ลง Social Media หรือ Reddit และคนอื่นๆก็มารีบเก็บไปเสมอ
17. แต่คำที่ปู่สอนนั้นเรายังต้องจดเจ้าไว้เสมอ "ให้กลัวในเวลาที่คนอื่นโลภ" แต่สิ่งที่แอดอาจจะพยายามเจาะรายละเอียดลงไปเพิ่มขึ้นคือ "คนอื่นๆกำลังโลภจริงหรือป่าว ? หรือจริงๆแล้วเขากำลังกลัวกันแน่ ?"
จากที่แอดพยายามถามๆคนรอบข้างมาดูเหมือนว่าตลาดในเวลานี้ยังมีคนกลัวอยู่เยอะด้วยซ้ำ ทำให้ในระยะสั้นยังมีเงินนอกตลาดที่ยังไหลเข้ามาได้เรื่อยๆเสมอเมื่อคนเหล่านี้เปลี่ยนใจ นี่เป็นสภาวะใหม่ที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยตำราเก่าจริงๆ
18. ยกตัวอย่าง ดัชนีบ่งชี้ Warren Buffett Indicator ที่แอดได้อัพเดทไปเมื่อวันก่อน ว่ากำลังส่งสัญญาณเกิน 85% เข้าไปแล้ว กำลังส่งเสียงเตือนแดงแจ๋ว่าราคาหุ้นแพงไปแล้ว แต่ตำรานี้มันไม่ได้คำนึงถึงสภาพคล่องหรือจำนวนเงินในตลาดที่ล้นมากกว่าาเดิมเยอะเลย
19. ในสิ่งที่แอดเห็นด้วยกับ Chamath คือยิ่งวันเราอาจจะต้องพยายามเลือกตัวหุ้นดีๆไว้ ดีกว่าพยายามกระจายการลงทุน เพราะว่าในยุคที่หุ้นทุกตัวราคาแพงแล้ว เราคงไปซื้อสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะราคาหุ้นเหล่านั้นแพงไปจริงๆ แต่ถ้าเรายังหาหุ้นดีๆที่ยัง Growth Value สูงกว่าราคาปัจจุบันได้ อีกหน่อยเงินก็จะยังไหลเข้ามาในหุ้นตัวนี้เองอย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP