อะไรคือสาเหตุการแข็งค่าของดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของหุ้นสหรัฐฯ

ทิศทางการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาเมื่อวานนี้ค่อนข้างสดใส ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักทุกตัว ตลาดหุ้นสามารถทรงตัวอยู่ในขาขึ้นได้เป็นวันที่สองติดต่อกันและกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังสามารถยืนอยู่ได้ในแดนบวก นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสาเหตุที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นเพราะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาถือดอลลาร์มากขึ้นเพื่อเข้าร่วมศึกมหากาพย์เกมสต๊อป (NYSE:GME) แต่การร่วงลงของหุ้นชื่อดังเมื่อวานนี้กำลังส่งสัญญาณว่าบทสรุปของตำนานแจ็คผู้ฆ่ายักษ์กำลังใกล้จะมาถึงในไม่ช้า กราฟ USD/JPY สามารถขึ้นยืนเหนือระดับราคา 105 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่ขาขึ้นที่สามารถขึ้นไปยืนเหนือได้นั้นตอนนี้ดูเหมือนว่าจะชะลอตัวลงแล้ว

ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนจะให้ความสนใจในวันนี้จะอยู่ที่ตัวเลขผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตจาก ISM และตัวเลขคาดการณ์การจ้างงานนอกภาคการเกษตรจาก ADP แต่ข่าวที่ทุกคนจะให้ความสนใจมากที่สุดประจำสัปดาห์คือการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ในวันศุกร์นี้ ตัวเลขคาดการณ์จาก ADP จะเป็นตัวพยากรณ์ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ คร่าวๆ ว่าน่าจะฟื้นตัวได้ดีแค่ไหน แม้จะมีการคาดการณ์กันว่าตัวเลขในภาคการผลิตและบริการอาจชะลอตัว แต่ถ้าโดยรวมแล้วการจ้างงานดีขึ้น ดอลลาร์ก็จะสามารถแข็งค่าขึ้นต่อจากตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาดีได้

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงไปยังจุดต่ำสุดในรอบสองเดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐแม้ว่าตัวเลข GDP ของยูโรโซนจะออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ตัวเลข GDP ในไตรมาสสี่ของยูโรโซนหดตัวลง 0.7% หลังจากสามารถเติบโตได้ 12.4% ในไตรมาสที่สาม การล็อกดาวน์ที่ยังเกิดขึ้นมาจนถึงปัจจุบันทำให้สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าตัวเลข GDP ในไตรมาสที่หนึ่งจะยังอยู่ในสถานะหดตัวไม่ต่างกับตัวเลขในไตรมาสที่สี่ ตอนนี้ยูโรโซนกำลังประสบปัญหาการกระจายวัคซีนเป็นไปด้วยความล่าช้า ประชาชนของสหราชอาณาจักรประมาณ 10% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดวัคซีนในขณะที่เยอรมันและฝรั่งเศสมีผู้ได้รับวัคซีนน้อยกว่า 3% การควบคุมจำนวนการส่งออกวัคซีนและการผลิตยาในปริมาณจำกัดยังเป็นปัญหาระยะยาวของยูโรโซน ด้วยเหตุนี้สกุลเงินปอนด์จึงอ่อนค่าลงตามยูโร

ตำแหน่งสกุลเงินที่อ่อนค่ามากที่สุดเมื่อวานนี้ตกเป็นของดอลลาร์ออสเตรเลียโดยมีสาเหตุมาจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและผลการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เมื่อวานนี้ กราฟ AUD/USD ปรับตัวลดลงไปสร้างจุดต่ำสุดของปีนี้ได้ด้วยการลงไปวิ่งต่ำกว่า 76 เซนต์ RBA ประกาศว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมและไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเลขนี้ไปจนกระทั่งถึงปี 2024 นอกจากนี้ RBA จะยังเพิ่มวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์อีก $100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นี่ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญของ RBA เพราะการเพิ่มวงเงินทั้งๆ ที่การแพร่ระบาดไม่ได้รุนแรงเหมือนในยุโรปหมายความว่า RBA เป็นกังวลต่อเศรษฐกิจของออสเตรเลีย อันที่จริงแล้วการที่ตัวเลข GDP ของออสเตรเลียออกมาดีทำให้ประเทศอาจกลับเข้าสู่ช่วงก่อนโควิดได้ในกลางปีนี้เลยด้วยซ้ำ 

ดอลลาร์นิวซีแลนด์ปรับตัวลดลงตามดอลลาร์ออสเตรเลียแม้ราคาผลิตภัณฑ์ที่มาจากนมและตัวเลขในภาคแรงงานจะปรับตัวสูงขึ้น นักวิเคราะห์หวังว่าจะได้เห็นตัวเลขการจ้างงานดีขึ้นในไตรมาสที่สี่หลังจากไตรมาสที่สามมีการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานในประเทศประมาณ 19% จนเรียกได้ว่าตลาดแรงงานเกือบกลับไปอยู่ในช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว แม้ดอลลาร์นิวซีแลนด์จะอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ แต่เพราะความสามารถในการควบคุมโควิดได้ดีทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศกลับมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นดอลลาร์นิวซีแลนด์จึงมีสิทธิ์ที่จะกลับไปแข็งค่าขึ้นได้อีก ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นไม่แพ้ดอลลาร์สหรัฐจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบและมุมมองทางเศรษฐกิจเชิงบวกจากธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ที่ช่วงพยุงสกุลเงินดอลลาร์แคนาดาเอาไว้