เตรียมรับมือ ตลาดการเงินผันผวนสูงขึ้น

สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นจากความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯ 

ประเด็นการเมืองสหรัฐฯยังคงป็นไฮไลท์ในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอาการป่วยจาก COVID-19 ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะเดียวกันตลาดจะติดตามการโต้วาทีของผู้ท้าชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีและการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสภาคองเกรส

เงินดอลลาร์ยังคงมีแรงหนุนจากความไม่แน่นอนที่ยังสูงอยู่ จากปัจจัย เช่น การเมืองสหรัฐฯ ทั้งการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงอาการปธน. ทรัมป์, การระบาด COVID-19 ทั่วโลก และการเจรจา Brexit

กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 31.35-31.75 บาท/ดอลลาร์

มุมมองนโยบายการเงิน 

การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในวันอังคาร ตลาดคาดว่า RBA จะ“คง”อัตราดอกเบี้ย (Cash Rate) ไว้ที่ระดับ 0.25% ทั้งนี้ตลาดคาดว่าอาจจะมีการลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมที่เหลือของปีนี้ เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดประเมินว่าการฟื้นตัวเศรษฐกิจอาจเริ่มชะลอลง สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการสำรวจโดย ISM (ISM Services PMI) เดือนกันยายนที่ลดลงสู่ระดับ 56.2จุด (ดัชนีเกิน 50จุด หมายถึง การขยายตัว) เนื่องจากการระบาดของ COVID-19 ยังมีความรุนแรงอยู่ในสหรัฐฯ ขณะเดียวกันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ก็ยังไม่สามารถผ่านสภาคองเกรสได้ นอกจากนี้ ตลาดจะติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐฯ โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ติดเชื้อ COVID-19 รวมทั้งการโต้วาทีของผู้ท้าชิงรองประธานาธิบดี

ฝั่งยุโรป – แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่เริ่มเผชิญปัญหาหลังหลายประเทศในยุโรปต่างเผชิญการระบาดของ COVID-19 ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมีมุมมองที่แย่ลงต่อภาพรวมเศรษฐกิจสะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) เดือนตุลาคมที่จะลดลงจาก -8.0จุด สู่ -9.3จุด

ฝั่งเอเชีย – การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังคงมีความต่อเนื่อง โดยภาคการบริการสามารถขยายตัวได้ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ชี้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการสำรวจโดย Caixin (Caixin Services PMI) เดือนกันยายน ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.2จุด จาก 54จุด ในเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้เศรษฐกิจสิงคโปร์ในไตรมาสที่ 3 ก็จะกลับมาขยายตัว 33% จากไตรมาสก่อนหน้า หลังรัฐบาลสามารถคุมการระบาด COVID-19 ได้ดีขึ้น จนสามารถทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ได้ ทั้งนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน เศรษฐกิจสิงคโปร์จะหดตัวถึง 7.2% ในไตรมาส 3 ซึ่งตลาดมองว่าทั้งปีเศรษฐกิจจะหดตัวราว 6%จากปีก่อน

ฝั่งไทย – ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังมีลักษณะการฟื้นตัวแบบค่อยป็นค่อยไป โดยความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) ในเดือนกันยายนจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 51.5จุด จากระดับ 51จุด ในเดือนก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) ยังอยู่ที่ระดับ -0.55% สะท้อนถึงการบริโภคในประเทศที่ยังซบเซาและส่วนหนึ่งมาจากราคาสินค้าพลังงานที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบ