ความหวังของนักลงทุนในทองคำและแร่เงินที่หวังว่าจะได้เห็นราคาขึ้นยืนเหนือ $1,900 และ $23 ต่อออนซ์กำลังค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ ในขณะที่ตลาดโลหะกำลังมีมูลค่าลดลงดอลลาร์สหรัฐกลับได้รับความสนใจและเข้าถืออย่างต่อเนื่องจากนักลงทุน นี่คือขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดในรอบสองเดือนของดอลลาร์สหรัฐ การขึ้นไปยัง 94.58 หลังจากอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ มาเป็นระยะนานกว่า 2 เดือนทำให้ตลาดต่างถามกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น? ในสถานการณ์ที่ความเสี่ยงยังมีมากกว่าปกติในตลาดลงทุนกลับกลายเป็นว่ากราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐสามารถขึ้นไปสร้างจุดใหม่ในขณะที่กราฟทองคำสปอตกลับลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ $1,860 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม
แม้ว่าราคาทองคำจะลงมาถึง Oversold แล้วแต่ดูเหมือนว่าขาลงจะยังไม่หยุด
นาง Dhwani Metha นักวิเคราะห์จาก FXStreet แสดงความเห็นเกี่ยวกับขาลงของราคาทองคำในตอนนี้ว่า
“ราคาทองคำได้กลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้งซึ่งการทะลุกรอบสามเหลี่ยมสมมาตรลงมาคือสิ่งยืนยัน ตอนนี้ราคาทองคำก็ได้ลงมาทดสอบจุดต่ำสุดของเดือนสิงหาคมที่ $1,863 ได้เป็นที่เรียบร้อย หากกราฟสามารถทะลุ $1,860 ลงมาได้แนวรับถัดไปจะอยู่ที่ $1,882 แม้ว่าอินดิเคเตอร์อย่าง RSI จะลงมาอยู่ที่ 31.17 ซึ่งถือเป็นโซน oversold แล้วก็ตาม มีเพียงการยืนเหนือ $1,931 หรือเส้นค่าเฉลี่ย 100 HMA เท่านั้นที่จะทำให้ขาขึ้นกลับมาได้”
นอกจาก Dhwani แล้วยังมีนักวิเคราะห์คนอื่นอีกที่มองว่าราคาทองคำจะลงไปต่ำกว่า $1,860 อย่างเช่น Sunil Kumar Dixit แสดงความเห็นว่า
“การที่ราคาทองคำไม่สามารถขึ้นยืนเหนือ $1,900 ได้ดูเหมือนว่าจะทำให้ราคาทองคำเสียความมั่นใจจนลงไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันที่ราคา $1,865 ซึ่งแนวรับนี้คือจุดยุทธศาสตร์ที่ดีหากว่าฝั่งขาขึ้นจะช้อนซื้อแล้วพยายามดันราคาให้กลับขึ้นไปสู่ $1,900 ได้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ทองคำสามารถยืนเหนือ $1,900 ได้โอกาสที่จะขึ้นไปยัง $1,911, $1,927 และ $1,937 ก็จะมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามที่ระดับแนวต้านเหล่านั้นก็อย่าลืมว่าจะมีฝั่งขายรอต้อนรับอยู่และอาจทำให้ทองคำวิ่งกลับลงมายัง $1,836 ซึ่งถ้าลงถึง $1,800 ได้เมื่อไหร่จะเปิดโอกาสให้ลงสู่ $1,750-$1,700 ได้ง่ายขึ้น”
ทองคำอาจลงต่ำกว่า $1,700 ส่วนเงินอาจลงต่ำกว่า $20
สำหรับจุดที่ราคาทองคำจะสามารถเหวี่ยงตัวเองให้กลับขึ้นมาได้ นักวิเคราะห์ Sunil Kumar Dixit มองว่าอาจต้องรอให้ทองคำลงไปจนถึง $1,690 ซึ่งจะกลายเป็นจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้นเมื่อเทียบกับจุดต่ำสุดเดือนที่ $1,450
“หากการเรียงตัวของจุดต่ำสุดนี้เป็นไปตามที่ฉันคาดการณ์ เราอาจจะได้เห็นทองคำที่จุดสูงสุด $2,300 - $2,500 ในขาขึ้นรอบต่อไป”
ในขณะเดียวกันราคาของแร่เงินก็มีการปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันกับทองคำ เมื่อวิเคราะห์กราฟเงินสปอตแล้วพบว่าไม่สามารถยืนอยู่บนระดับราคา $24 ต่อออนซ์ได้และมีความเสี่ยงที่จะวิ่งลงสู่ $22.40, $21.90 และ $19.90
นาย Kyle Quindo นักวิเคราะห์จาก Blackbull Markets Limited วิเคราะห์ว่า
“โดยส่วนมากแล้วนักลงทุนเล่นอยู่ในสินค้าโภคภัณฑ์เช่นน้ำมัน แร่เงิน ทองคำ มักจะทำเงินไปลงทุนในกองทุน ETF ที่ลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามนักลงทุนบางส่วนเริ่มดึงเงินออกจากกองทุน ETF บ้างแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุน ETF ของแร่เงินซึ่งยิ่งเป็นการเพิ่มความกังวลว่าขาขึ้นของแร่เงินจะจบลงแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่”
หลังจากวิเคราะห์เสร็จเขาได้ชี้ให้เห็นว่ามีเงินประมาณ 3% หายไปจากกองทุน iShares Silver Trust (NYSE:SLV) ในระยะสั้นหากมีแรงซื้อเข้ามาแร่เงินอาจขึ้นไปถึง $24.80 โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่ที่ $25.50
ทำไมดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามความเสี่ยงที่กำลังเพิ่มขึ้น?
อยู่ดีๆ ทำไมดอลลาร์ถึงกลับมาแข็งค่าขึ้น?
นี่ถือเป็นเรื่องแปลกสำหรับนักลงทุน ในตอนที่ตัวเลขการค้าขาดดุลการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็เต็มไปด้วยอุปสรรคเพราะโควิดยังไม่จบซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงเห็นๆ แต่ราคาของแร่โลหะกลับไม่ขึ้นแต่กลายเป็นดอลลาร์สหรัฐแทน นักวิเคราะห์บางคนมองว่าเพราะตอนนี้การกลับมาแพร่ระบาดของโควิดในยุโรปกำลังเป็นที่จับตามองและรุนแรงกว่าของสหรัฐฯ ทำให้มีอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
นอกจากนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจในระยะหลังของสหรัฐฯ ออกมาดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นตัวเลขของที่อยู่อาศัย การจ้างงาน ยอดขายรถยนต์และความเชื่อมั่นในการอุปโภคบริโภคของประชาชน แม้จะยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่แต่ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ดอลลาร์ที่ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกก็ยังได้รับการยอมรับให้เป็นหลุมหลบภัยชั้นดีอีกครั้ง
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนหันมาถือดอลลาร์ ยิ่งมีข่าวเกี่ยวกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับแอปพลิเคชันติ๊กตอกทุกวันยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าคงต้องรอดูฉากสงครามนี้ต่อหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เมื่อวันจันทร์ที่แล้วนายเจอโรม พาวเวลล์ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศนับตั้งแต่ตัวเลข GDP ลงไปเกือบถึง 33% ในไตรมาสที่สองดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในการแถลงการณ์ต่อสภาคอนเกรสตลอดช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้วเค้ายังเน้นย้ำต่อสภาว่าเงินกระตุ้นทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลยังมีความจำเป็นและหวังว่าผู้ออกกฎหมายทั้งสองพรรคจะเห็นแก่บ้านเมืองวางความขัดแย้งและรีบออกกฎหมายเกี่ยวกับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สองโดยเร็ว