ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่ตลาดซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐอเมริกากำลังปรับตัวขึ้นโดยมีตลาดซื้อขายล่วงหน้าของดัชนี NASDAQ เป็นกราฟที่วิ่งขึ้นมากที่สุด สัญญาซื้อขายบนตลาด NASDAQ 100 กำลังมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1.6% ทำผลงานได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดซื้อขายล่วงหน้าอื่นๆ ถือเป็นการเปิดสัปดาห์แห่งการลงทุนได้ดีกับการที่เราได้เห็นภาพอะไรเช่นนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรบตัวลดลง 2 สัปดาห์ติดกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายน ตอนนี้ผู้ซื้อได้กลับเข้ามาในตลาดพร้อมกับความเชื่อมั่นในขาขึ้นใหม่ แต่สำหรับมุมมองของนักวิเคราะห์เราต้องแยกให้ออกว่านี่เป็นการย่อลงมาเพื่อซื้อหรือเป็นการย่อขึ้นไปเพื่อเตรียมตัวลงต่อกันแน่?
ข่าวดีที่ดันตลาดหุ้นในปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้เกิดขึ้นมาจาก CEO ของบริษัทผู้รับผิดชอบผลิตยาต้านโควิด-19 (NYSE:PFE) ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าการทดลองยาวัคซีนได้เข้าสู่ขั้นตอนการทดลองสุดท้ายแล้วซึ่งยาอาจจะสามารถนำออกมาวางจำหน่ายให้กับชาวอเมริกันได้ภายในก่อนสิ้นปีนี้ นอกจากเหตุผลนี้นักลงทุนบางส่วนก็ยังเชื่อว่าขาลงที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการย่อของแนวโน้มขาขึ้นใหญ่เท่านั้น ในแง่ของข่าวร้ายนอกจากข่าวที่ได้ยินทุกวันอย่างยอดผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของโลกก็มีเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนซึ่งนักลงทุนทุกคนก็ตระหนักและทราบกันดีอยู่แล้ว
อันที่จริงแล้วข่าวดีทั้งสองประการก็ยังมีเหตุผลที่สามารถนำมาโต้แย้งได้อยู่ เหตุผลข้อแรกที่เกี่ยวกับเรื่องยาแม้จะเป็นข่าวดีแต่กว่าจะแจกจ่ายไปจำหน่ายได้ทั่วโลกก็ยังต้องใช้เวลา ส่วนเหตุผลข้อที่สองนั้นก็ยังมีประเด็นในเชิงรายละเอียดอีกมากมาย ล่าสุดข่าวที่พึ่งสร้างกระแสฮือฮาในสัปดาห์นี้เลยคือการประกาศความร่วมมือของบริษัท ByteDance เจ้าของแอปพลิเคชันชื่อดังอย่าง TikTok กับบริษัท Oracle (NYSE:ORCL) ซึ่งเราเชื่อว่าในสัปดาห์นี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องหยิบเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลข้ออ้างทางการเมืองเป็นแน่
เมื่อหันมาพิจารณากราฟของดัชนี NASDAQ 100 เราก็พบว่ากราฟกำลังวิ่งอยู่ในช่วงต้องเลือกทิศทางพอดิบพอดี
สัญญาณการกลับตัวเป็นขาลงครั้งแรกเกิดขึ้นจากแท่งเทียนรูปแบบดาวตก (Evening Star) ซึ่งแท่งเทียนแท่งยืนยันถัดมาก็สามารถเอาชนะขาขึ้น 5 วันก่อนหน้าได้หมด สัญญาณขาลงที่สองเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากราคาสามารถทะลุกรอบราคาขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดเดือนมีนาคมลงมาได้ สัญญาณที่สามคือการวิ่งกลับขึ้นมาทดสอบกรอบดังกล่าวและไม่มีสามารถขึ้นทะลุกรอบกลับขึ้นไปได้และปรับตัวลดลงมา สัญญาณที่สี่คือคือตอนที่ราคาสร้างชุดของรูปแบบ peak & trough ที่ปรับตัวลดลงเรื่อยๆ และสุดท้ายสัญญาณที่ห้าคือการสร้างรูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder)
อย่างไรก็ตามยังมีเหตุผลอยู่สองประการที่เราจะยังไม่เรียกการปรับตัวลงมาครั้งนี้ว่าขาลง เหตุผลข้อแรกราคายังไม่ได้ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นเส้นสุดท้ายที่ $10,855.06 เหตุผลข้อที่สองคือแรงส่งที่เกิดมาจากรูปแบบหัวไหล่ (ที่แม้จะตรงตามตำรา) แต่กลับลงมาได้เพียง 1.3% เท่านั้น ที่สำคัญแรงฝั่งซื้อยังสามารถดันราคากลับขึ้นไปได้อีกด้วยก่อนปิดวันซึ่งหมายความว่ายังมีแรงซื้อหลงเหลืออยู่ในตลาด
แม้ว่าอินดิเคเตอร์หลักอย่าง MACD และ RSI จะแสดงให้เห็นถึงการอ่อนแรงของแนวโน้มขาขึ้นแล้วแต่เราก็ยังอยากจะรอสัญญาณขาลงที่แน่นอนอยู่นั่นคือการทะลุเทรนด์ไลน์ขาขึ้นเส้นล่าสุดลงไปเพื่อยืนยันการเป็นรูปแบบหัวไหล่ที่สมบูรณ์ ดังนั้นจนกว่าจะถึงตอนนั้นให้พิจารณากราฟว่าเป็นการย่อตัวลงมาของขาขึ้นเอาไว้ก่อน
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาสามารถทะลุลงไปได้อย่างน้อย 3% หรือลงไปยังราคา 10,750 เพื่อลดความเสี่ยงของการเป็นขาลงหลอก จากนั้นจะรอให้ราคาวิ่งกลับขึ้นมาทดสอบแนวรับเดิมก่อนที่จะวางคำสั่งขาย
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง โดยปกติแล้วสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้เราจะแนะนำให้รอดูการทะลุของราคาเพียง 2% แต่ครั้งนี้ควรรอให้ลงมาอย่างน้อย 3% ที่สำคัญต้องรอให้ราคาวิ่งกลับขึ้นไปทดสอบแนวรับเดิมก่อนด้วยแต่ไม่จำเป็นต้องรอแท่งเทียนยืนยันขาลง
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะมองตรงกันข้ามและวางคำสั่งซื้อโดยมีความเชื่อว่าการดีดกลับขึ้นมาจากแนวรับปัจจุบันจะแรงพอให้นักลงทุนกลุ่มนี้สามารถเก็บกำไรในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ได้ ที่สำคัญคืออย่าลืมการบริหารจัดการเงินทุนที่ถูกต้องเหมาะสม
ตัวอย่างการเทรด (ขาขึ้น)
- จุดเข้า: 11,000 (เหนือบริเวณที่ราคาย่อลงมา)
- Stop-Loss: 10,900
- ความเสี่ยง: 100 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:11,500
- ผลตอบแทน: 500 จุด
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:5