แม้แนวราบโตเด่น..แต่บริษัทร่วมทุนอยู่ในช่วงแรกของการฟื้นตัว บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 458 ลบ . (-10.5% QoQ, -22.8% YoY) แม้รายได้จากการขาย อสังหาริมทรัพย์ปรับตัวขึ้นเด่น 37.3% QoQ และ 12.1% YoY อยู่ที่ 2.2 พันลบ. จากยอดโอนแนวราบที่ทำ ได้ถึง 2.0 พันลบ. (+32% YoY) แต่กำไรสุทธิอ่อนตัวลงจากผลกระทบของ COVID-19 ต่อ1) อัตราการเช่าพักและอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงแรมที่พลิกกลับเป็นติดลบ และ 2) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าใน 2Q63 ที่ลดลง 34% YoY เป็น 311 ลบ. ยอด Presale 2Q63 อยู่ที่ 2.8 พันลบ. เติบโตขึ้น 72% QoQ และ 104% YoY จากยอดขายแนวราบที่ทำได้ 2.5 พันลบ. (+67%QoQ, +53% YoY) ปรับตัวดีขึ้นในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม หนุนด้วยยอดขายโครงการแนวสูงทำได้ 298 ลบ. จากการจัดโปรโมชั่น Miracle Deal (โปรโมชั่นลดราคา) ในช่วงเดือน พ.ค. 63 - มิ.ย. 63 เพิ่มขึ้น 126% QoQ และพลิกกลับเป็นบวกจาก 2Q62 ที่ยอดขายติดลบ 261 ลบ. จากการ ยกเลิกยอดจองของโครงการ Q Sukhumvit ณ สิ้น 1H63 บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 1 โครงการมูลค่า 80 ลบ. แต่ยังคงแผนการเปิดตัว โครงการใหม่ใน 2H63 ทั้งสิ้น 4 โครงการ รวมมูลค่า 6.4 พันลบ. คือ Q Prime Sukhumvit 77 (มูลค่า 2.0 พันล บ .), Vararom Watcharapol – Permsin (มูล ค่า 2.3 พัน ล บ .), Gusto Suksawat – Pracha Uthit (มูลค่า 712 ลบ.) และ Q District Suksawat 76 (มูลค่า 1.4 พันลบ.)
คาดธุรกิจโรงแรมกดดันอัตรากำไรใน 2H63.. แผนปี 2564 ไม่เน้นการเติบโต… เราคาดธุรกิจโรงแรมยังเป็นปัจจัยที่ยังกดดันผลประกอบการใน 2H63 เนื่องจากโรงแรมของบริษัท 4 ใน 5 มีที่ตั้งอยู่ใน กรงเทพฯ ซึ่งเน้นไปที่ลูกค้าชาวต่างชาติเป็นหลัก ขณะที่ปัจจุบันปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังถูกจำกัดจากการปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 สำหรับธุรกิจอสังหาฯ แม้ฟื้นตัวขึ้นใน 2Q63 แต่ปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนกำไรที่เพียงราว 30% +/- ของกำไร สุทธิของบริษัท และมีแนวโน้มที่อัตราส่วนนี้จะปรับตัวลดลงต่อเนื่องในปี 2564 จากแผนการเปิดตัว โครงการใหม่ที่คาดทำได้เพียงทรงตัวถึง -10% YoY ลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน เราคาดส่วนแบ่งการตลาดมี แนวโน้มที่จะถูกกดดันจากประมาณอุปสงค์แนวราบที่เพิ่มมากขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ของ อุตสาหกรรมในปี 2563-64
ปรับลดประมาณการ ปี 2563-64 คงคำแนะนำ “TRADING” รอปัจจัยบวกใหม่ก่อนลงทุน เราปรับลดประมาณการก าไรปี 2563-64 ลง 20% และ 12% เป็น 2.1 พันลบ. และ 2.5 พันลบ. ตามลำดับ จาก 1) ปรับลดส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าในปี 2563-64 ลงจาก 1.9 พันลบ. และ 2.0 พันลบ. เป็น 1.6 พันลบ. และ 1.9 พันลบ. ตามล าดับ 2) การเปิดตัวโครงการใหม่ที่ลดลง YoY ทั้งในปี 2563 และ 2564 คาด เป็นปัจจัยหลักกดดันรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น และ 3) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2563 ลงเป็น 31.3% ลดลง 240bps YoY (จากเดิม 32.3%) จากผลกระทบของ COVID-19 ต่อธุรกิจโรงแรม เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2564 ที่ 2.52 บาท (อิงวิธี SOTP) คงคำแนะนำ “TRADING” แผน ธุรกิจที่อนุรักษ์นิยมในปี 2563-64 อาจทำให้การเติบของผลประกอบการไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับ อุตสาหกรรม แต่จุดเด่นของบริษัทคิดฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง (ณ สิ้น 2Q63 Net Gearing Ratioอยู่ที่ 0.67x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่1.1x) คาดเงินปันผลงวด 2H63และปี 2564 ที่ 0.08 บาท/หุ้น และ 0.16 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield จากราคาปิดวานนี้ที่ 3.6% และ 7.1% ตามลำดับ ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ AP,LH และ SC จึงแนะนำชะลอการลงทุนจนกว่าจะมีปัจจัยบวกใหม
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities