- ราคาไม้แปรรูปที่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่
- ราคาทองแดงอาจไปไกลเกินกว่า $3 ต่อปอนด์ได้
- กลยุทธ์อัตราเงินเฟ้อใหม่ของเฟดสร้างแรงกดดันให้กับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ตอนนี้เราทุกคนอาศัยอยู่ในโลกที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดตั้งแต่มีมนุษยชาติถือกำเนิดขึ้นมา ธนาคารกลางและรัฐบาลแทบทุกประเทศได้พยายามอย่างยิ่งในการเพิ่มสภาพคล่องให้กับเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อต่อสู้กับภัยวิกฤตโรคระบาดที่หนักที่สุดแห่งยุคสมัยใหม่ ตัวเลขการขาดดุลกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะรัฐได้ดำเนินการกู้ด้วยวงเงินที่สูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยทำ ก่อนหน้านี้ในปี 2008 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กู้เงินจำนวน $530,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อแก้วิกฤตในช่วงนั้นและในเดือนพฤษภาคมปี 2020 กระทรวงการคลังก็ได้ยืมมาอีก $3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐและยังมีแนวโน้มว่าอาจจะกู้เพิ่มอีกในอนาคต
การเพิ่มสภาพคล่องด้วยการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบมีสิ่งที่ต้องแลกมาคือการอ่อนค่าลงของสกุลเงินนั้นๆ และความน่าเชื่อถือของสกุลเงินและรัฐบาลที่ค่อยๆ หมดไป เมื่อความสามารถซื้อของสกุลเงินนั้นๆ ลดลงคนจึงเริ่มตั้งคำถามกับอัตราเงินเฟ้อที่มีอยู่และสัปดาห์ที่แล้วประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจึงได้ตัดสินใจอนุญาตให้อัตราเงินเฟ้อขึ้นเกิน 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายเงินเฟ้อที่เฟดพยายามคุมมาโดยตลอด
ไม้แปรรูปและทองแดงถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ในทางอุตสาหกรรมที่สำคัญ จากการสังเกตราคาซื้อขายในตลาดไม้และทองแดงก็สามารถบอกกับนักลงทุนได้ว่าเงินเฟ้อไม่ได้อยู่ในสถานะที่กำลังจะมาถึงแต่มาถึงเรียบร้อยแล้วต่างหาก ตั้งแต่ตลาดทั้งสองลงไปทำจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคมและเมษายนราคาซื้อขายไม้แปรรูปและทองแดงล่วงหน้าในตลาดก็ทะยานขึ้นมาตลอด ตลาดไม้แปรรูปสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้อย่างต่อเนื่องในเดือนสิงหาคมในขณะที่ราคาทองแดงสามารถขึ้นยืนเหนือ $3 ต่อปอนด์ได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลางปี 2018
ราคาไม้แปรรูปที่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่
โดยปกติแล้วตลาดการซื้อขายไม้แปรรูปล่วงหน้าไม่ใช่ตลาดที่มีสภาพคล่องสูง จากประสบการณ์ลงทุนของผมที่มีในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกมานานกว่า 40 ปีผมไม่เคยคิดจะเข้ามายุ่งกับตลาดนี้เลยเพราะมองว่าเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องและจำนวนซื้อขายสัญญาต่ำ แต่ถึงแม้ว่าผมจะไม่ลงทุนกับตลาดนี้แต่ผมก็ติดตามราคาซื้อขายไม้แปรรูปอยู่ตลอดเพื่อเอาไว้ประเมินสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทั่วโลกซึ่งผมก็พบว่าไม้เป็นสินค้าที่มีปฏิกริยากับอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดตัวหนึ่ง ไม้แปรรูปเป็นวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างที่มีความสำคัญกับการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ยิ่งมีความต้องการก่อสร้างเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ราคาไม้แปรรูปก็ยิ่งแพงขึ้นเท่านั้นโดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจหดตัวและคนไม่กล้าเสี่ยงจะทำให้ไม้มีราคาลดลง
หลังจากที่ราคาไม้แปรรูปขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ที่ $659 ต่อ 1,000 บอร์ดฟุตเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 ราคาไม้แปรรูปก็ร่วงลงไปสร้างจุดต่ำสุดเอาไว้ที่ $251.50 ในช่วงเดือนมีนาคมและต้นเมษายนปี 2020 เพราะการมาถึงของโควิด-19
Source: CQG
จากรูปกราฟรายสัปดาห์ด้านบนแสดงให้เห็นว่าราคาซื้อขายไม้แปรรูปล่วงหน้าพึ่งจะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดล่าสุดที่ $916.30 ต่อ 1,000 บอร์ดฟุตได้ในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งใช้เวลาเพียง 5 เดือนเท่านั้นและคิดเป็นการปรับตัวสูงขึ้น 3.6 เท่า สาเหตุหลักของความต้องการไม้เพิ่มขึ้นมาจากอัตราดอกเบี้ยต่ำที่เอื้อต่อการสร้างที่อยู่อาศัยและการต่อเติมบ้านเพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบชีวิตใหม่ที่ต้องทำงานอยู่ที่บ้านมากขึ้น
นอกจากนี้การร่วงลงของสกุลเงินดอลลาร์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็มีส่วนสนับสนุนในราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นไม่ใช่แค่เฉพาะไม้แปรรูปแต่ยังมี ทองคำ แร่เงิน น้ำมันดิบต่างก็พุ่งขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในเดือนเมษายนทั้งสิ้น นอกจากราคาไม้แปรรูปแล้วอีกหนึ่งสินค้าโภคภัณฑ์ที่น่าสนใจสำหรับผมคือราคาทองแดงที่พึ่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปีได้ในเดือนสิงหาคม
ราคาทองแดงอาจไปไกลเกินกว่า $3 ต่อปอนด์ได้
ในกลุ่มนักลงทุนมีคำกล่าวเปรียบเทียบแร่ทองแดงเล่นๆ ว่าเป็นเหมือน “คุณหมอแห่งโลกการลงทุน” เพราะนักวิเคราะห์สามารถดูความต้องการทองแดงมาวินิจฉัยสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกได้ ประเทศจีนคือผู้ที่ใช้ทองแดงเป็นอันดับหนึ่งของโลกส่วนประเทศผู้สามารถขุดแร่ทองแดงได้มากที่สุดคือชิลี เมื่อโควิด-19 ระบาดและสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คน ในเดือนมีนาคมราคาทองแดงก็ร่วงสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2016 ที่ราคา $2.0595
Source: CQG
กราฟราคาซื้อขายทองแดงล่วงหน้าในตลาด COMEX รายสัปดาห์แสดงให้เห็นราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเดือนมีนาคม จนล่าสุดในเดือนสิงหาคมราคาทองแดงก็สามารถขึ้นมายืนเหนือ $3 ต่อปอนด์ได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2018 คิดเป็นการวิ่งขึ้นมา 47% จากจุดต่ำสุดเดือนมีนาคมขึ้นมายังจุดสูงสุดเดือนสิงหาคม
สาเหตุที่ราคาทองแดงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นเพราะความต้องการทองแดงของจีนมีมากกว่ากำลังการผลิตที่ชิลีซึ่งสามารถดูได้จากกราฟปริมาณทองแดงคงคลังที่ลดลงในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
Source: LME/Kitco
จากกราฟจะเห็นว่าราคาทองแดงคงคลังในตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนโลหะลอนดอน (LME) ร่วงลงจาก 280,000 เมตริกตันในเดือนพฤษภาคมเหลือ 91,000 ตันในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจนทำให้ต้องดึงสินค้าในคลังออกมาก่อนเพราะกำลังการผลิตที่ยังไม่เพียงพอ
กลยุทธ์อัตราเงินเฟ้อใหม่ของเฟดสร้างแรงกดดันให้กับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
นอกจากไม้แปรรูปและทองแดงแล้วนักลงทุนยังสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงจากการปรับอัตราเงินเฟ้อได้จากราคาทองคำ น้ำมันดิบ แร่เงินและอื่นๆ ตามที่เคยได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ราคาทองคำพึ่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลเหนือ $2000 ได้เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาในขณะที่ราคาแร่เงินสามารถวิ่งขึ้นมาได้เป็นสองเท่าจากที่เคยวิ่งปกติ นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อที่สามารถขึ้นได้เกิน 2% จะยิ่งทำให้ตลาดหุ้นที่ตอนนี้ก็ขึ้นแบบ V-Shape อยู่แล้วจะสามารถขึ้นไปได้ไกลกว่าเดิมแลกมากับดอลลาร์ที่อ่อนมูลค่าลง ดังนั้นหากจะกล่าวว่าราคาทองแดงและไม้แปรรูปคือมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อก็คงจะไม่ผิดนัก