ความล่าช้าของมาตรการเยียวยารอบใหม่อาจกระทบตลาดแรงงาน และบ่ั่นทอนเศรษฐกิจสหรัฐฯที่กำลังฟื้นตัว ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน เดือนมิถุนายนแตะระดับ 5.89 ล้านตำแหน่งเพิ่มต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยมีตำแหน่ง งานเพิ่ม 5.1แสนตำแหน่ง ส่วนผู้ขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 8 สิงหาคมมีจำนวน 9.63 แสนราย แตะระดับต่ำกว่าล้านรายเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19และผู้ขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลงสู่ระดับ 15.5 ล้านราย สำหรับความขัดแย้งเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาผลกระทบ ทางเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งทางพรรคเดโมแครตต้องการเพิ่ม วงเงินเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นยังมีแนวโน้มยืดเยื้อต่อไปหลายสัปดาห์ โดยวุฒิสภา จะปิดสมัยประชุมจนถึงวันแรงงาน (7 กันยายน) ตัวเลขเศรษฐกิจมีสัญญาณทยอยฟื้นตัว แต่ยังเผชิญความเสี่ยงจาก (i) การ ว่างงานที่ยังอย่ใูนระดับสูงต่อเนื่อง (ii) จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง หลายพื้นที่กลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และ (iii) การจ่ายเงนิชดเชยลูกจ้างที่ถูกพักงานรายละ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ ได้สิ้นสุดลงแล้วในเดือนกรกฎาคม คาดว่าต้องใช้เวลากว่าจะอนุมัติได้และจะ กระทบต่อการใช้ จ่าย แต่ถ้าสามารถอนุมัติจ่ายเงินชดเชยต่อไปได้ อาจมี แนวโน้มที่จะได้ไม่เกิน 400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ซึ่งจะกระทบต่อการบริโภคและ ภาวะเศรษฐกิจในระยะต่อไป
เศรษฐกิจจีนฟื้นต่อเนื่อง คาดว่าแรงส่งจากมาตรการภาครัฐจะช่วยหนุนการ เติบโตในระยะต่อไป ในเดือนกรกฎาคมผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4.8% YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากการขยายการผลิต สินค้าอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค ขณะที่ยอดการค้าปลีกและการลงทุนใน สินทรัพย์ถาวรปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 แม้ยังคงหดตัวที่ -1.1% และ -1.6% ตามลำดับ
ส่วนยอดสินเชื่อใหม่ของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวในอัตราสูงถึง 13.0% ต่อเนื่องจาก 13.2% ในเดือนมิถุนายน (สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2552) ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ขยายตัว 15.8% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น เดือนที่ 4โดยเฉพาะการลงทุนจากฮ่องกง สิงคโปร์ และสหราชอาณาจักร ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมบริการ เครื่องชี้ต่างๆดังกล่าวสะท้อนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจจีน คาดมาตรการภาครัฐหนุนแรงส่งการเติบโต เนื่องจาก (i) การลงทุนภาครัฐขยายตัว 12.6% สูงสุดในรอบ 6เดือน (ii) การออกพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นใหม่ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้น 10.8% YoY ส่วนใหญ่ใช้ ลงทุนในโครงสร้าง พื้นฐานบ่งชี้ถึงการเร่งลงทุนโครงสร้างพืน้ฐานในระยะข้างหน้า และ (iii) การ ออกนโยบายเศรษฐกิจที่เรียกว่า Dual Circulation นั้น คาดว่าจะมีมาตรการ กระตุ้นอุปสงคภ์ายในประเทศตามมาเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวในครึ่งปี หลังและรองรับผลกระทบความเสี่ยงด้านอุปสงคจ์ากต่างประเทศได้
เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังปรับตัวดีขึน้ ตามความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นแต่ยังมี แรงกดดันจากการระบาดระลอกสอง ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (Economic Watcher Index) เดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับ 43.4 (เทียบกับ 41.1ในเดือนก่อน) ขณะที่การส่งออกในเดือนกรกฎาคมลดลง -25.7% YoY โดยหดตัว น้อยลงจากเดือนก่อนที่ลดลงแรงสุดในรอบ 10 ปี เครื่องชีล้่าสุดสะท้อนสัญญาณเชิงบวกจากการใช้มาตรการเยียวยาผลกระทบ ขนานใหญ่เป็นประวัติการณ์ในเดือนมิถุนายนมีการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร เพิ่มขึ้น 6.1% YoY ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี2553 มาตรการส่วน ใหญ่เน้นการเยียวยาผลกระทบมากกว่าการกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน ภายในประเทศ นอกจากนี้ยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดระลอก ที่สอง โดยในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนั้น พบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มมขึ้นเกือบ 2,000 รายต่อวัน ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวได้ช้าลง สะท้อนจากยอดการขาย ปลีกสินค้าจำเป็นที่ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าก่อนการระบาด
บทความนี้มาจากศูนย์วิจัยกรุงศรี สามารถอ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็มได้ที่ www.krungsri.com