นักลงทุนผู้ถือหุ้นในกลุ่มบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ต่างได้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำในขณะที่โลกกำลังถอยหลังเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากความต้องการชิปคอมพิวเตอร์ในวงการเกมและการทำศูนย์กลางข้อมูลบนระบบคลาวด์เพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าธุรกิจในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ยังมีโอกาสขยายเติบโตได้อีกในปี 2020 โดยเฉพาะการเติบโตของการพัฒนาระบบคลาวด์
อย่างไรก็ตามหลังจากที่มนุษยชาติเริ่มปรับตัวเข้ากับโควิด-19 ได้แล้ว หลายๆ บริษัทให้พนักงานกลับไปทำงานที่บริษัทตามปกติ ที่สำคัญสงครามความสัมพันธ์ระหว่างชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกาและจีนยังไม่จบยิ่งทำให้กลุ่มผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เมื่อมองไปที่วงการนี้บริษัทที่เรามักจะได้ยินผู้คนพูดถึงบ่อยๆ คือบริษัท Qualcomm (NASDAQ:QCOM) และ NVIDIA (NASDAQ:NVDA) ซึ่งทั้งสองต่างก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันออกไป ในบทความนี้เราจะดูกันว่าหุ้นของบริษัทไหนน่าลงทุนมากกว่ากันเมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
NVIDIA (ความแข็งแกร่งที่มาจากวงการเกมและศูนย์กลางข้อมูล)
ไม่มีใครปฏิเสธว่าขาขึ้นของหุ้น NVIDIA ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ทำให้บริษัทแตกต่างไปจากผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายอื่นๆ ตลอดทั้งปี 2020 หุ้น NVIDIA ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 90% ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ปรับขึ้นมากที่สุดในบริษัทที่อยู่ในดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดเฟียที่ตลอดทั้งปี 2020 ปรับตัวขึ้นเพียง 20% เท่านั้น
แม้ว่าบริษัทจะไม่ถูกตั้งคำถามจากนักลงทุนว่าจะสามารถผลิตชิปคอมพิวเตอร์ได้ตามความต้องการหรือไม่เพราะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา NVIDIA ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำได้แต่สิ่งที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจมากกว่าประเด็นดังกล่าวคือซัพพลายที่มีในตอนนี้เพียงพอรองรับต่อความต้องการในวงการเกมและผู้ที่ต้องการสร้างศูนย์กลางข้อมูลหรือไม่
NVIDIA คือบริษัทผู้ผลิตชิปสำหรับกราฟฟิกที่ใช้ในคอมพิวเตอร์พีซีที่ใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงช่วงหลายปีที่ผ่านมา NVIDIA ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการสร้างเทคโนโลยีเพื่อรองรับตลาด AI ที่กำลังจะมาถึงในยุคถัดไปซึ่งสร้างเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับบริษัท นายเจนเซ่น หวง CEO ของบริษัทกล่าวว่ายิ่งผู้ใช้งานใช้ผลิตภัณฑ์ของ NVIDIA มากเท่าไหร่บริษัทก็ยิ่งได้ประหยัดงบในการใช้จ่ายกับส่วนที่ยังไม่จำเป็นต้องทำมากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้ยอดขายหลักๆ ของบริษัทมาจากวงการเกมคอมพิวเตอร์เนื่องจากชิปกราฟฟิกของ NVIDIA อย่าง GeForce ได้รับการยอมรับว่าเป็นชิปที่สามารถสร้างประสบการณ์การเล่มเกมได้สมจริงที่สุดและยังไม่มีผู้ใดมาล้มตำแหน่งนี้ของ GeForce ลงได้ ขาขึ้นของหุ้น NVIDIA ในปีนี้ทำให้ค่า P/E ของหุ้นมีตัวเลขอยู่ที่ 83.59 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของค่า P/E ในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งอยู่ที่ 38.53 มากกว่า 2 เท่า แต่เพราะราคาหุ้นของ NVIDIA ที่อยู่สูงในตอนนี้ทำให้กราฟอ่อนไหวต่อจิตวิทยาการลงทุนและปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศได้ทุกเมื่อ
Qualcomm (ขาขึ้นจากฟ้าหลังฝน)
เส้นทางการเติบโตของหุ้น Qualcomm นั้นไม่เหมือนกันกับ NVIDIA ก่อนหน้านี้บริษัท Qualcomm ต้องประสบปัญหาตกเป็นข่าวว่า Qualcomm พยายามล๊อบบี้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อให้ตัวเองสามารถขายชิปให้กับโทรศัพท์ Huawei ซึ่งดีลนี้ขัดต่อกฎหมายป้องกันการผูกขาดทางการค้าของสหรัฐฯ และถือเป็นหนึ่งในความตึงเครียดระหว่างข้อพิพาทของทั้ง 2 ประเทศมหาอำนาจ
อย่างไรก็ตามเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Qualcomm ประสบชัยชนะและหลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้ทำให้อนาคตของบริษัทดูมีความสดใสมากขึ้น นอกจากนี้ศาลผู้ตัดสินยังยกเลิกคำสั่งให้บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนใหญ่ๆ อย่างเช่นแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) และซัมซุง (OTC:SSNLF) ไม่จำเป็นต้องทำใบขออนุญาตเกี่ยวกับกฏหมายผูกขาดทางการค้ามาใหม่ซึ่งในปีที่แล้วกฎหมายข้อนี้สร้างกำไรให้ Qualcomm มากถึง $4,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากนี้หุ้นของ Qualcomm ยังได้แรงสนับสนุนสำคัญมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เชื่อวา Qualcomm จะสามารถผลิตชิปที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G ได้ นายสตีฟ โมเลนคอปฟ์ CEO ของบริษัทกล่าวกับนักวิเคราะห์ในการรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดว่า “หลังจากที่ผ่านมรสุมข่าวร้ายมาแล้วตอนนี้บริษัทมีพลังงานที่จะกลับไปทุ่มให้กับการสร้างเทคโนโลยี 5G อีกครั้งซึ่งคาดว่าจะเริ่มกันในเดือนกันยายนนี้ ด้วยตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นและผลกำไรของบริษัทที่มีตัวเลขการเติบโตที่ดีทำให้บริษัทไม่ต้องกังวลว่าเงินจะขาดมือและสามารถสานต่อการเติบโตได้ในปี 2021”
นายไมเคิล วอร์กเลย์ นักวิเคราะห์ของ Canaccord Genuity คาดการณ์ว่าหุ้นของ Qualcomm มีโอกาสขึ้นไปได้อีก 47% พร้อมทั้งปรับเป้าหมายของหุ้นขึ้นมาจาก $115 ขึ้นมาเป็น $137 ในวันที่ 30 กรกฎาคม ปัจจุบันหุ้น Qualcomm ปรับตัวขึ้นมาแล้วตลอดทั้งปี 2020 จนถึงปัจจุบันประมาณ 30% มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $115.79
“เมื่อปริมาณความสามารถในการซื้อสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคกลับมาซึ่งจะมีส่วนช่วยตลาดซื้อขายมือถือเป็นอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง Qualcomm จึงถือว่าอยู่ในจุดที่ดีมากที่จะได้กำไรระยะยาวจากการลงทุนในเทคโนโลยี 5G ที่จะถือว่าเป็นพื้นฐานของโลกอนาคตต่อไป” นายไมเคิลกล่าว
โดยสรุปแล้ว
ทั้ง NVIDIA และ Qualcomm ต่างก็มีจุดเด่นมีฐานลูกค้าที่แบ่งออกจากกันชัดเจนและยังเป็นคู่แข่งกันในเรื่องของการผลิตชิปคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าพูดถึงอนาคตแล้ว Qualcomm มีความได้เปรียบในระยะยาวมากกว่า NVIDIA เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ต้องการความคล่องตัวสูงขึ้น คอมพิวเตอร์พีซีจะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าเฉพาะในอนาคตในขณะที่มือถือสมาร์ทโฟนและเทคโนโลยี 5G คือสิ่งที่ทุกๆ คนต้องมี