บางจากปิโตรเลียม (BK:BCP) ยังมี Stock loss กดดันผลประกอบการต่อเนื่อง
► บริษัทรายงานผลประกอบการ 2Q63 ขาดทุน 1,911 ล้านบาท
► Stock loss ยังสูง แต่ได้กลับรายการ NRV ช่วย ทำให้ผลขาดทุนลดลง
► มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการด้อยค่าลูกหนี้การค้า และสินทรัพย์รวม 1,029 ล้านบาท
► ค่าการกลั่น 2Q63 ฟื้น แต่แนวโน้มไม่ดี หลังต้นทุนปรับเพิ่ม ขณะที่ Dubai Crack Spread ยังต่ำ
► ทำให้เรายังคงน้ำหนักการลงทุน Underweight หุ้นในกลุ่มโรงกลั่น
► อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าผลประกอบการ 2H63 ฟื้น จากการรับรู้ Stock loss ที่ลดลง
รายงานผลประกอบการ 2Q63 ต่ำกว่าคาด จากการรับรู้ด้อยค่าลูกหนี้และสินทรัพย์ บริษัทรายงานผลประกอบการ 2Q63 ขาดทุน 1,911 ล้านบาท เป็นผลขาดทุนลดลงจาก 1Q63 ที่มี ผลขาดทุน 4,661 ล้านบาท และลดลงเมื่อเทียบกับ 2Q62 ที่มีกำไรสุทธิ 528 ล้านบาท เป็นผลมา จากการกลับรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) จำนวน 1,635 ล้านบาท
เมื่อ รวมกับของ Stock loss ทำให้บริษัทยังมีผลขาดทุนจากรายการดังกล่าว (Stock loss รวม NRV) อยู่ที่ 1,725 ล้านบาท อย่างไรก็ตามผลประกอบการ 2Q63 ออกมาต่ำกว่าคาด ส่วนหนึ่งเป็นผลมา จากตั้งด้อยค่ารวม 1,029 ล้านบาท ได้แก่ (1) การด้อยค่าลูกหนี้การค้ารายใหญ่ ที่เข้าสู่กระบวนการ ฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง จำนวน 894 ล้านบาท และ (2) การด้อยค่าสินทรัยยจจากการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจค้าปลีก (BCR) ำนวน 135 ล้านบาท ค่าการกลั่นและค่าการตลาดฟื้น แต่ยอดขายน้ำมันและกำลังกลั่นลดลง เราคาดว่าบริษัทจะกลับมามีกำไรปกติใน 2Q63 จาก (1) ธุรกิจการกลั่น มีค่าการกลั่นอยู่ที่ 3.93 เหรียญต่อบารจเรล เยิ่มขึ้นจาก 2.87 เหรียญต่อ บารจเรล ใน 1Q63 ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการปรับราคา OSP ทำให้ Crude Premium ที่เป็นต้นทุนกลั่นลดลง เพียงพอชดเชยผลกระทบจาก Dubai Crack Spread ที่ลดลง และอัตรากลั่นลดลง 14%QoQ อยู่ที่ 89,300 บารจเรลต่อวัน (อัตรากลั่น 74%)
(2) ธุรกิจตลาด มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,144 ยันล้านลิตร ลดลง 20%QoQ โดยยอดขายใน ส่วนของตลาดค้าปลีกลดลง 5% และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง 57%QoQ จากผล ของมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าประเทศชั่วคราว ตั้งแต่ เม.ย. 63 กระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ โดยบริษัทมีค่าการตลาด ปรับเยิ่มเป็น 0.9 บาทต่อลิตร เพิ่ม 15%QoQ จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง และยอดขาย น้ำมันในตลาดค้าปลีกที่ค่าการตลาดสูงกว่า มีสัดส่วนที่เยิ่มขึ้น (3) BCPG มีรายได้รวมเยิ่มขึ้น 12%QoQ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 34%QoQ จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตยจในญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว เพียงพอชดเชยรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทยที่ลดลง (4) BBGI ได้รับผลกระทบจากทั้งยอดขายจะปรับลดลง โดยเฉพาะราคา B100 ที่ปรับลดลงสู่ ระดับปกติ มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 26.28 บาทต่อลิตร ลดลง 31%QoQ ขณะที่ยอดขายลดลง 8%QoQ ขณะที่ธุรกิจเอทานอล มีกำลังผลิตรวมลดลงเนื่องจากโรงงาน (BBE และ KGI) มีการหยุดซ่อมประจำปี แต่ยอดขายยังคงเยิ่มขึ้น 8%QoQ จากความต้องการเอทนอล เกรดอุตสาหกรรม เพื่อการผลิตเจลแอลกอฮอลจ (5) ธุรกิจ E&P กลับมาฟื้นตัว เนื่องจากไม่มีผลกระทบจากการด้อยค่าสินทรัพย์ มากเหมือน 1Q63 ที่รับรู้รายการดังกล่าวมากถึง 1.4 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามรายได้รวมยังคง ได้รับผลกระทบจากราคาขาย และปริมาณขายที่ลดลง เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 และการหยุดซ่อมในแหล่งผลิต Draugen (เลื่อนแผนการหยุดซ่อมจากเดือน ก.ย. มาเป็น มิ.ย.) แนะนำ “ซื้อ” คาดว่า 2H63 จะกลับมาฟื้นตัว ยังมีปัจจัยลบกดดันจาก Dubai Crack Spread ที่อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ Crude Premium ที่ปรับเพิ่มจะทำให้ต้นทุนกลั่นของธุรกิจการกลั่นในประเทศ รวมทั้ง BCP เยิ่มสูงขึ้นในช่วง 3Q63
อย่างไรก็ตามเราคาดหมายจะเห็นผลการดำเนินงาน ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังราคาน้ำมันเริ่มทรงตัว ในระดับ 40 – 45 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการ 2H63 ไม่มีการรับรู้ Stock loss มากเหมือน 6M63 ที่รับรู้ Stock loss (รวม NRV) มากถึง 5,159 ล้านบาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities