หุ้นแบ่งได้กี่กลุ่ม? หากวัคซีนโควิดมาเร็วกว่ากำหนด...หุ้นกลุ่มไหนเงินไหลเข้ามากสุด

#หุ้นในตลาดแบ่งออกได้เป็นกี่กลุ่ม ? และหากวัคซีนมาเร็วกว่ากำหนด หุ้นกลุ่มไหนอาจเป็นกลุ่มที่มีเงินไหลเข้ามากที่สุด ?

Goldman Sachs ได้ออกมาฟันธงว่าตอนนี้ตลาดยังรับรู้ถึงโอกาสที่ #วัคซีนไวรัสโควิด จะออกมาภายในสิ้นปีนี้น้อยไปอยู่ โดยหากวัคซีนออกมาเร็วกว่าที่ตลาดคาดหรือออกมาได้ทันการเลือกตั้งสหรัฐอย่างที่ได้ทรัมป์ประกาศจริงๆ #ตลาดหุ้นคงยังดีดขึ้นต่อได้อีกเยอะ แต่ให้นักลงทุนระวังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้ดี !

ในรายละเอียดของบทความที่ #ทางเพจได้สรุป มุมมองตลาดของ Goldman Sachs ไว้ถึง 6 เรื่องด้วยกันนั้น ทางเราจะลิ้งค์บทความนี้ไว้ให้ในคอมเม้นท์อีกทีนะครับ

แต่ในวันนี้หลังจากที่เราเริ่มเห็นพฤติกรรมในตลาดหุ้นสหรัฐ #เริ่มมีเงินไหลออกมาจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และไหลเข้ามาสู่หุ้นบริษัทขนาดเล็กหรือ (Small Capital Companies) มากขึ้น จึงอยากมาเขียนอธิบายสั้นๆว่านักลงทุนตลาดต่างแบ่งหุ้นในตลาดออกเป็นกี่กลุ่ม อย่างไรบ้าง ? ผ่าน #ชวนคุยเรื่องลงทุน

โดยคร่าวๆ เราสามารถแบ่งหุ้นออกเป็น #5 กลุ่ม ดังนี้

1. #หุ้นบริษัทชั้นดี หรือ #หุ้นบลูชิพ (Blue-chip Stock)

นี่คือกลุ่มหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าในตลาดสูง (Large Market Capitalization) ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่รู้จักกันดีในตลาด มีผลการดำเนินงานและสถานะการเงินที่มั่นคง และด้วยสถานะการเงินที่มั่นคงประกอบกับการบริหารที่ดี ทำให้ราคาหุ้นกลุ่ม Blue-Chips ในสหรัฐนั้นส่วนใหญ่ยังรักษาราคาผ่านช่วงไวรัสระบาดไปได้ (หากไม่ใช่กลุ่มธุรกิจที่โดนกระทบโดยตรง)

การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Blue-Chips นั้น ในระยะยาวจะมีอัตราผลตอบแทนที่ไม่ผันผวน ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเติบโตที่หวือหวา (แต่ก็แล้วแต่กลุ่มธุรกิจอีกที) เป็นกลุ่มบริษัทที่นักลงทุนทั้งหลายพยายามจะมีติดพอร์ตไว้ หากไม่ต้องการให้ผลตอบแทนของการลงทุนนั้นหลุดห่างไปจากผลตอบแทนของดัชนีตลาดรวม

2. #หุ้นเจริญเติบโตเร็ว (Growth Stock)

คือหุ้นกลุ่มบริษัทที่กำไรกำลังเติบโตสูง มีการขยายธุรกิจและการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากอาจเป็นบริษัทขนาดเล็กที่กำลังเจริญเติบโตอยู่ในสายธุรกิจที่กำลังขยายตัว หุ้นกลุ่มนี้อาจมีการจ่ายเงินปันผลไม่สูง เพราะต้องนำผลกำไรกลับไปลงทุนต่อเนื่องในการขยายกิจการ แต่หากสามารถขยายแผนธุรกิจได้ตามเป้าราคาของหุ้นกลุ่มนี้ก็อาจจะปรับตัวได้สูงขึ้นเรื่อยๆ

โดยที่ผ่านมานั้นหุ้นกลุ่ม Technology ในสหรัฐนั้นถือเป็นตัวอย่างหุ้นกลุ่ม Growth Stock ที่ดีมาก เพราะกำไรที่ยังเติบโตแม้จะเจอไวรัสระบาดก็ตาม อีกทั้งธุรกิจก็กำลังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาดีดขึ้นกลับขึ้นมาเร็วกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ

แต่ข้อควรระวังของหุ้นหลุ่มนี้คือ การเป็นที่นิยมซื้อขายกันมากทำให้อาจมีการไล่ราคา และอาจมีราคาที่สูงกว่าปัจจัยพื้นฐานเพราะนักลงทุนได้ใส่ความคาดหวังต่อกำไรในอนาคตและอัตราการเจริญเติบโตไว้แล้ว หากบริษัทไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้า เราก็อาจเห็นราคาของหุ้นกลุ่มนี้ก็อาจปรับตัวลงรุนแรงกว่าหุ้นในกลุ่มอื่นๆ ได้

#Tesla เป็นตัวอย่างที่ดีของหุ้นกลุ่ม Growth Stock ที่นักลงทุนใส่ความคาดหวังไว้ในอัตราการเจริญเติบโตของธุรกิจไว้สูงมาก แทบจะสูงที่สุดในโลกเลยตอนนี้ แต่... ลึกๆแอดก็ยังเชื่อว่า Elon Musk จะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) ผิดหวัง

3. #หุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock)

หุ้นวัฏจักรคือกลุ่มหุ้นที่ได้เขียนอธิบายไปแล้วในบทความก่อน คือหุ้นที่ราคาขึ้นลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจดีผลประกอบการของบริษัทก็จะดีตามไปด้วย โดยปกติหุ้นกลุ่มนี้ก็ประกอบไปด้วย หุ้นอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ วัสดุก่อสร้าง น้ำมัน ปิโตรเคมี ที่ความต้องการจะโตตามเศรษฐกิจ รวมไปถึงหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างเสื้อผ้า กระเป๋า และของแบรนด์เนมต่างๆก็จะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตามวัฏจักรเศรษฐกิจจากไวรัสโควิดนั้นอาจไม่เหมือนกับวัฏจักรเศรษฐกิจธรรมดา ทำให้นักลงทุนอาจต้องดูรายละเอียดของกลุ่มธุรกิจเหล่านั้นโดยตรงว่าจะได้รับผลดีต่อการมาของวัคซีนอย่างไร

แต่จากมุมมองของ Goldman Sachs แล้ว เขาเชื่อว่า #หุ้นกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์มากที่สุดหากวัคซีนมาภายในปีนี้ และเงินส่วนมากเตรียมที่จะไหลเข้ากลุ่มนี้ ควรจับตามองหุ้นกลุ่มนี้ให้ดีครับ

4. #หุ้นตั้งรับ (Defensive Stock)

คือหุ้นที่ราคาไม่ขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจ หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนสม่ำเสมอ และบางทีอาจมีแนวโน้มที่ดีกว่าตลาดขาลงหรือช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา แต่ในทางกลับกันหุ้นตั้งรับก็อาจสร้างผลตอบแทนได้ไม่ดีเท่าผลตอบแทนตลาดโดยรวมในหุ้นขาขึ้น

หุ้นกลุ่มนี้หลักๆคือสินค้าที่เรามีความจำเป็นต้องใช้ตลอดเวลา เช่นกลุ่มสาธารณูปโภค เพราะไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของวัฏจักรเศรษฐกิจ พวกเราทุกคนก็ยังจะเป็นต้องกินอาหาร ต้องใช้น้ำ ต้องใช้ไฟฟ้า ต้องการยารักษาโรค ทำหุ้นกลุ่มนี้จึงมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ อย่างที่เราเห็นในช่วงวิกฤตไวรัสโควิด หุ้นกลุ่มนี้ไม่ได้ปรับตัวลดลงไปมากเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ แต่ก็อย่าหวังว่าเมื่อวัคซีนมาแล้วหุ้นกลุ่มนี้จะดีดขึ้นเท่ากับเพื่อนๆเช่นเดียวกันครับ

5. #หุ้นเก็งกำไร (Speculative Stock)

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหุ้นที่เกิดจากการเก็งกำไร โดยราคาและผลประกอบการจะมีความไม่แน่นอนสูงแน่ๆ เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่อาจมีมุมมองของการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้อย่างชัดเจนจึงพร้อมเสี่ยง หรือมีมุมมองที่ตรงข้ามกับตลาดส่วนใหญ่ด้วยข้อมูลบางอย่าง

หุ้นกลุ่มนี้ราคาจะผันผวนมากๆ และเนื่องจากราคาอาจไม่สอดคล้องกับผลประกอบการปัจจุบันทำให้ราคาอาจวิ่งขึ้นลงตามปัจจัยทางเทคนิคได้บ่อยในช่วงที่อาจไม่มีข่าวสารของบริษัทออกมา #นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลของบริษัทเหล่านี้อย่างใกล้ชิดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

ปล. หุ้นบางตัวอาจจะเข้าข่ายได้มากกว่า 1 กลุ่ม แล้วแต่การตีความของนักลงทุนเลย ยกตัวอย่างว่า คุณมองว่าหุ้น #Tesla นั้นจัดเป็นหุ้นกลุ่มไหนในมุมมองของทุกๆท่านครับ ??

#ทันโลกกับTraderKP

บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP