Earning Result
► SCB รายงานกำไรช่วง 2Q63 จ านวน 8,360 ลบ. ลดลง 23.8%YoY ดีกว่าที่เราและตลาดคาด โดยแม้ได้รับแรงกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับลง 6.9%YoY หลังพอร์ตสินเชื่อรวมลดลง เล็กน้อยจากปีก่อน (ส่วนใหญ่ลดลงจากสินเชื่อ Corporate ขณะที่สินเชื่อ SME และสินเชื่อราย ย่อยโต 5.4%YoY และ 1%YoY) บวกกับ NIM แคบลงเหลือ 3.25% จาก 3.45% ในช่วง 2Q62 หลังขาย SCBLIFE ออกไปทำให้ฐานของรายได้ดอกเบี้ยรับน้อยลง และผลจากการลดดอกเบี้ย เงินกู้ลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 64.7%YoY เพื่อรองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับพอร์ตสินเชื่อภายใต้ภาวะ ศก. ที่มีความไม่แน่นอน ทำให้Credit Cost ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 1.83% จาก 1.10% ในช่วง 2Q62 ทั้งนี้ปัจจัยลบต่างๆ บางส่วนได้ถูกหักล้างลงด้วย 1) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 19%YoY หลักๆ เป็นผลจากรายได้ Recurring Income ของธุรกิจ Wealth Management และธุรกิจนายหน้าขายประกัน (รวม Access Fee ที่ได้รับจาก FWD) ที่เพิ่มขึ้น และมี Non-Recurring Income จากกำไรจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน ผ่านงบกำไรขาดทุน (FVTPL) ราว 2,951 ลบ. 2) Cost to Income Ratio ลดลงเหลือ 44.5% จาก 46.2% ในช่วง 2Q62 จากแผนปรับลดกิจกรรมทางการตลาด ]
► ในแง่คุณภาพสินทรัพย์ ณ สิ้นช่วง 2Q63 ของ SCB ยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล มี NPL อยู่ที่ 3.7% เพิ่มขึ้นจาก 3.19% ในช่วง 2Q63 แต่ลดลงจาก 3.97% ในช่วง 1Q63 หลังมีการเร่งตัดหนี้ สูญและปรับโครงสร้างหนี้เชิงรุก ขณะที่รักษาระดับ Coverage Ratio ที่ 145.5%
Our Take
► กำไรช่วง 1H63 คิดเป็น 58.4% ของทั้งปี และเรายังคงประมาณการเดิม ซึ่งคาดปี 2563 SCB จะ มีกำไรสุทธิ 30,153 ลบ. ลดลง 25.4%YoY โดยคาดแนวโน้มช่วง 3Q63 จะฟื้นตัวขึ้น QoQ หลังเข้าสู่ช่วงปลด Lock Down หนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจ Bancassurance ที่ต้องอาศัยการให้คำแนะนำผ่านตัวแทนที่ประจำอยู่ในสาขา ขณะที่การตั้งสำรองแม้คาดยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง แต่จะเริ่มอ่อนตัวลง QoQ ตาม Outlook ที่ดูสดใสขึ้น ของ ศก. ในประเทศ
► (BK:SCB) ได้แจกแจงรายละเอียดของลูกหนี้ภายใต้โครงการช่วยเหลือทางการเงิน โดยช่วงที่ผ่านมามี ลูกหนี้กว่า 8.4 แสนล้านบาทขอเข้าโครงการ คิดเป็นสัดส่วนราว 39% ของพอร์ต ซึ่งบริษัทมีการใช้มาตรการที่หลากหลายทั้งพักชำระหนี้, พักชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย และการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้จากการประเมินของบริษัทคาดลูกหนี้ราว 60-70% จะสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ต่อหลังจบโครงการ ส่วนลูกหนี้ที่เหลือบริษัทจะติดตามต่อไปเพื่อหามาตรการช่วยเหลือให้สามารถกลับมามีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ทำให้บริษัทมองว่า NPLจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2 ปีนี้
► SCB ได้แจกแจงรายละเอียดของลูกหนี้ภายใต้โครงการช่วยเหลือทางการเงิน โดยช่วงที่ผ่านมามีลูกหนี้กว่า 8.4 แสนล้านบาทขอเข้าโครงการ คิดเป็นสัดส่วนราว 39% ของพอร์ต ซึ่งบริษัทมีการใช้มาตรการที่หลากหลายทั้งพักชำระหนี้, พักชำระเงินต้น/ดอกเบี้ย และการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้จากการประเมินของบริษัทคาดลูกหนี้ราว 60-70% จะสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ต่อหลังจบโครงการ ส่วนลูกหนี้ที่เหลือบริษัทจะติดตามต่อไปเพื่อหามาตรการช่วยเหลือให้สามารถกลับมามีคุณภาพที่ดีขึ้นได้ทำให้บริษัทมองว่า NPLจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2 ปีนี้
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities