รายงานผลประกอบการ ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและความหวังในการผลิตวัคซีนต้านโควิดคือสิ่งที่อยู่พาดหัวข่าวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตลอดทั้งสัปดาห์แต่พาดหัวข่าวนี้จะเปลี่ยนไปหลังจากที่ตลาดได้ผ่านคืนนี้ซึ่งถือเป็นคืนที่สำคัญที่สุดของทั้งสัปดาห์เลยก็ว่าได้ เริ่มต้นด้วยข่าวอัตราการจ้างงานของออสเตรเลียและตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 2 ของจีน จากนั้นก็คือคิวของตัวเลขภาคแรงงานจากสหราชอาณาจักรและผลการประชุมอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ก่อนที่จะมาปิดท้ายด้วยตัวเลขยอดขายปลีกและรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
กราฟ ปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 4 เดือนก่อนที่จะได้ทราบผลการประชุมจาก ECB แม้ว่าก่อนจบวันจะปรับตัวลดลงมาก็ตาม ยังคงอ่อนมูลค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ยกเว้นแต่เพราะกราฟ USDCHF ปรับตัวขึ้นหลังจากวิ่งไซด์เวย์มาเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ เป็นภาพที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักที่สวิตฟรังก์และเยนจะวิ่งไปกันคนละทางแต่เพราะความกังวลเกี่ยวกับข่าวฝั่งสหรัฐฯ ที่กำลังจะออกทำให้กราฟ ปรับตัวลดลงจากความกังวลของนักลงทุน
นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราการเติบโตของตัวเลขยอดขายปลีกสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงหลังจากที่ตัวเลขของเดือนมิถุนายนทะยานขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อมากถึง 17.7% แม้ว่าการจับจ่ายใช้สอยจะค่อยๆ ดีขึ้นมาตลอดตั้งแต่เดือนมิถุนายนแต่รายงานจาก Johnson Redbook ระบุว่าการบริโภคเริ่มอ่อนกำลังลง ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคมจะออกมาแย่กว่าของเดือนมิถุนายน ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟียควรจะออกมาดีขึ้นหลังจากที่ตัวเลขผลสำรวจจากเอ็มไพร์ สเตตและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตํวสูงขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีควรช่วยให้กราฟ USD/JPY ปรับตัวสูงขึ้นได้แต่กราฟก็ยังต้องเผชิญกับแนวต้านสำคัญระหว่าง 107.40 และ 108.00 ข้อมูลรายงานสรุปสภาวะทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผยว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในแต่ละรัฐโดยส่วนใหญ่ดีขึ้นแต่ก็ยังมีบางพื้นที่อย่างเช่นเซนต์หลุยส์ที่การเติบโตค่อนข้างช้ากว่าพื้นที่อื่นๆ ในประเทศ
รายงานตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2 ของจีนออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 3.2% มากกว่าที่คาดการณ์ 2.2% เป็นที่ทราบกันดีว่าจีนเป็นประเทศแรกที่เข้าสู่โหมดล็อกดาวน์ประเทศตัวเองในไตรมาสที่ 1 จนทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศหดตัวลง 6.8% แต่ในไตรมาสที่ 2 จีนก็สามารถฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้เร็วและนี่คือสาเหตุว่าทำไมตัวเลขอัตราการเติบโตที่ออกมาในวันนี้ถึงดีขึ้น
จากข้อมูลตัวเลข GDP ของจีนทำให้สกุลเงินสามารถทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 1 เดือนด้วยแต่เพราะข้อมูลอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นแม้ว่าตัวเลขอัตราการจ้างงานจะมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไปถึง 210,800 ตำแหน่งก็ตามทำให้กราฟออสเตรเลียดอลลาร์ปรับตัวลดลงมาต่ำกว่า 0.70 ในปัจจุบัน สกุลเงินปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ข้อมูลทางเศรษฐกิจดีขึ้นในช่วง 4 วันล่าสุด ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ออกมาในวันนี้เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เป๊ะและแม้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะสูงขึ้นแต่ราคาอาหารกลับลดลงในไตรมาสที่ 1
สกุลเงินปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้หลังจากธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมโดยทาง BoC ได้แสดงความเห็นต่อเศรษฐกิจว่าแคนาดาสามารถเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ได้แล้ว นอกจากนี้ BoC ยังบอกอีกว่าตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 2 แม้จะหดตัว 43% แต่ในไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะขยายตัวขึ้นเป็น 31% และเศรษฐกิจแคนาดาจะกลับเข้าสู่ช่วงก่อนโควิดได้ภายในปี 2022 อย่างไรก็ตามผู้ว่าการธนาคารกลางนายทิฟฟ์ แมคเลมได้แถลงการณ์แบบตรงไปตรงมาว่าอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่ 0.25% จะยังคงอยู่กับเศรษฐกิจของประเทศไปอีกนานโดยเฉพาะอย่างยิ่งตราบใดที่ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกายังแก้ปัญหาโควิดไม่ได้ BoC จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มสามารถกลับมายืนด้วยตัวเองได้อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ BoC ไม่มีแผนที่จะเพิ่มอัตราเงินเฟ้อเป็นการชั่วคราว การปรับตัวขึ้นของแคนาดาดอลลาร์ในช่วงเวลาแถลงการณ์แสดงให้เห็นว่าตลาดค่อนข้างพอใจกับการตัดสินใจของ BoC
ไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของการเทรดวันนี้จะมุ่งเป้าไปที่ผลการประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดกันว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมเช่นเดียวกันกับ BoC ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน ECB ได้อัดงบจำนวน 600,000 ล้านยูโรให้กับโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินสำหรับโรคระบาดใหญ่ (PEPP) ไปอย่างน้อยจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2021 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเกราะกำบังให้กับเศรษฐกิจยุโรปให้ไม่ต้องเผชิญกับการหดตัวทางเศรษฐกิจที่มากจนเกินไป
จากข้อมูลในตารางด้านล่างนี้แสดงให้เห็นว่า PEPP ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ตัวเลขในหลายๆ ภาคส่วนดีขึ้นซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้ภาครัฐในแต่ละประเทศของกลุ่มยูโรโซนที่สามารถคุมโควิด-19 ได้อย่างดีจนนำไปสู่การเปิดเมืองเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจได้ ดังนั้นสิ่งที่ ECB น่าจะพูดถึงในวันนี้อาจจะเป็นความกังวลที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ สกุลเงินยูโรน่าจะได้ไฟเขียวจากการประชุมวันนี้และสามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้
