กราฟเด่นประจำวัน: ราคาน้ำมันดิบจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นได้นานแค่ไหน?

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงมาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งหลังจากเมื่อวันพุธตลาดได้ทราบรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของ EIA ที่เพิ่มขึ้นจนเกือบถึงตัวเลขที่เป็นจุดสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกประวัติการเก็บน้ำมันมา ตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่นับมาจนถึงวันที่ 3 กรกฎาคมเพิ่มขึ้นเป็น 5.7 ล้านบาร์เรลมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ 3.114 ล้านบาร์เรล หลังจากนั้นไม่นานราคาน้ำมันดิบก็สามารถปรับตัวกลับขึ้นมาชดเชยการลดลงจากข่าวของ EIA ได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจัยเรื่องปริมาณน้ำมันดิบคงคลังและอุปสงค์กับอุปทานจะยังคงเป็นสาเหตุความไม่แน่นอนที่สำคัญสำหรับราคาน้ำมันดิบตราบใดที่โลกยังต้องฟื้นตัวเองขึ้นมาจากปัญหาไวรัสโคโรนา ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าความต้องการน้ำมันดิบจะสามารถฟื้นคืนมาได้อย่างเต็มที่เมื่อไหร่ แม้ในภาคการผลิตจะมีสัญญาณการกลับมาแล้วในอนาคตอันใกล้แต่สายพานที่เกี่ยวข้องอย่างเช่นกระบวนการกลั่นน้ำมันและช่องทางการขนส่งก็ยังคงมีปัญหาประปรายเข้ามาเรื่อยๆ 

เมื่อปัจจัยพื้นฐานไม่สามารถให้คำตอบอะไรแก่นักลงทุนแต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจจะให้คำใบ้อะไรบางอย่างแก่นักลงทุนได้

หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นขึ้นมาจากระดับติดลบก็สามารถไต่ขึ้นมาผ่านแนวต้านสำคัญๆ ได้อย่างไม่มีปัญหามากนักจนกระทั่งมาถึงที่บริเวณแนวต้าน $40 ซึ่งราคาไม่ได้ขยับไปไหนมานานเกือบสองเดือนแล้ว ไม่ใช่ว่านักลงทุนจะไม่มีความพยายามเลยแต่เคยพยายามแล้วก็พาราคาน้ำมันดิบขึ้นไปได้ไกลมากที่สุดเพียง $42 เท่านั้น

ตัวเลขแนวต้านที่ $40-$42 ไม่ใช่ตัวเลขที่ถูกสุ่มออกมาให้เป็นแนวต้านไปอย่างงั้นเพราะเลยจากแนวต้านที่ $42 คือโซนราคาที่ครั้งหนึ่งราคาน้ำมันดิบเคยหลุดลงมาทีเดียว 30% เมื่อวันที่ 9 มีนาคม (ช่วงที่ซาอุดิอาระเบียกับรัสเซียทะเลาะกัน) สร้างเป็นช่องว่างระหว่างราคา (gap) ยาวถึง 25% บริเวณ $40 จึงกลายเป็นเหมือนปราการสำคัญที่ทำให้จะขึ้นไปก็ไปไม่รอดเพราะมีนักลงทุนฝั่งหมีคอยตบกลับลงมาอยู่ตลอด

แม้ว่าขาขึ้นจะยังคงดื้อและพยายามพาตัวเองให้ไปไกลกว่านี้ให้ได้แต่อินดิเคเตอร์อย่าง MACD และ RSI ก็ส่งสัญญาณไดเวอร์เจนต์ของขาลงมาโดยตลอด ยิ่งทำให้นักลงทุนยิ่งเชื่อเข้าไปอีกว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวลงมากกว่าขึ้น ที่สำคัญการที่ราคาไม่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA ได้ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าแนวต้านบริเวณนี้แข็งแรงมาก

ถึงราคาจะหลุดเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของวันที่ 28 เมษายนลงมาได้แล้ว (เส้นประ) แต่แนวโน้มโดยรวมก็ยังคงเป็นเทรนด์ขาขึ้นอยู่ดี จนกว่าเราจะได้เห็นจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิมเราถึงจะเริ่มมองว่าราคาน้ำมันดิบ WTI มีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้ม

กลยุทธ์การเทรด

เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอเข้าทั้งสองด้านไม่ว่าราคาจะเลือกไปในทิศทางใดก็ตามจะต้องมีการทะลุกรอบสามเหลี่ยมให้เป็นกิจลักษณะ ถ้าจะขึ้นก็ต้องสามารถทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA ขึ้นไปให้ได้ ถ้าจะลงก็ต้องสร้างจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดเดิมออกมาให้ได้ก่อน

เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะวางคำสั่งซื้อที่ราคาประมาณ $39 เมื่อราคาสามารถทะลุแนวต้านขึ้นไปได้แล้วและวิ่งกลับมาทดสอบเทรนด์ไลน์ของกรอบสามเหลี่ยมที่ลากมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม หรือรอให้มีแท่งเทียนขาขึ้นสีเขียวยืนยันปรากฎออกมาก่อน

เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะวางคำสั่งขายเมื่อราคาสามารถทะลุกรอบสามเหลี่ยมลงมาด้านล่างได้หรือไม่ก็วางคำสั่งขายตอนนี้เลยโดยมีแนวต้านอยู่ที่โซนแนวต้านเลย $42 ขึ้นไป

ตัวอย่างการเทรด (ขาลง)

- จุดเข้า: $41

- Stop-Loss: $41.66 (เหนือจุดสูงสุดของแท่งเทียนวันที่ 23 มิถุนายนซึ่งเป็นจุดสูงสุดในบริเวณ gap)

- ความเสี่ยง: $0.66

- เป้าหมายในการทำกำไร:$39 (เทรนด์ไลน์ที่ลากมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม)

- ผลตอบแทน: $2

- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3